ใครที่ยังไม่เคยแวะเวียนไปชมสวนใหญ่แห่งใหม่ของคนกรุง ถือว่า ตกเทรนด์อย่างแรง
ขอให้หาเวลามาเที่ยว มาเดินเล่น มาออกกำลังกาย สูดอากาศในพื้นที่โล่งใจกลางกรุง ห้อมล้อมด้วยตึกสูงสวยเด่น วิวเหมาะสำหรับการเช็กอินเป็นที่สุด
แต่..ขอให้ตระเตรียมเวลามาเกิน 1 ชม.เป็นอย่างน้อย เพราะสวนป่าเบญจกิติกว้างใหญ่ไพศาลถึง 450 ไร่ ต้องใช้เวลามากถึงจะชมได้ครบ
ก่อนอื่น เริ่มต้นด้วยพิกัดของสวนป่าเบญจกิตติ อยู่บนถนนรัชดาภิเษก ติดกับศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นที่ดินของโรงงานยาสูบเดิม เมื่อโรงงานยาสูบย้ายออกไป กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้พัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะเพื่อให้คนกรุงได้ใช้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ต่อมาโครงการขยายใหญ่โต โดยกรมธนารักษ์ร่วมกับกองทัพบกพัฒนาให้เป็นสวนป่าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง เชื่อมต่อกับสวนเบญจกิติเดิม และลงทุนสร้างสะพานลอยข้ามทางด่วนเพื่อเชื่อมกับสวนลุมพินีอีกด้วย วางคอนเซ็ปต์ให้เป็นโครงการ “ต้นแบบ” ของสวนสาธารณะเชิงนิเวศน์ สร้างธรรมชาติเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
วิธีการเดินทางไปสวนป่าเบญจกิติ หากขับรถส่วนตัวไป แนะนำ 2 จุดจอดรถ จุดแรกมีพื้นที่จอดรถมากหน่อย คือ เข้าทางถนนรัชดาภิเษก ทางเข้าสวนป่าเบญจกิติ จะอยู่ถัดจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เลี้ยวเข้าประตูไป จะเจอลานจอดรถขนาดใหญ่ ทางเข้าสวนป่าจะพบกับอาคารซึ่งเป็นโกดังของโรงงานยาสูบเดิมที่กลายสภาพเป็นโรงยิมสำหรับกีฬา 4 ประเภท ได้แก่ ฟุตซอล บาสเก็ตบอล เทเบิลเทนนิสหรือปิงปอง และพิคเคิลบอล (ว่ากันว่า กำลังเป็นที่นิยมในอเมริกา โดยเป็นกีฬาผสมผสานระหว่างแบดมินตัน ปิงปองและเทนนิส ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เล่นง่าย กติกาไม่ซับซ้อน อุปกรณ์มีน้ำหนักเบา ไม่สร้างปัญหาบาดเจ็บให้กับคนเล่น)
ส่วนจุดจอดรถอีกแห่ง จะมีพื้นที่จอดไม่มาก เพียงแค่ 15-20 คัน โดยเข้าทางประตูที่อยู่ติดถนนดำรงค์พิทักษ์ หรือถนนที่ขนานกับทางด่วนเพลินจิต จุดจอดรถจะอยู่ตรงทางออกของศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ด้านโรงงานยาสูบนั่นเอง
แต่ถ้ามาด้วยรถสองล้อ หรือรถไฟฟ้า แนะนำให้เข้าทางถนนสุขุมวิท ซอย 4 โดยลงรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิตหรือนานา แล้วเข้าทางสุขุมวิทซอย 4 สุดซอยจะมีประตูเข้าสวนป่าเบญจกิติได้เลย มีที่เล็ก ๆ สามารถจอดมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ไม่มีที่ให้จอดรถเก๋ง
เวลาเปิด-ปิดสวนป่าเบญจกิติ เปิดยาวตั้งแต่เช้ามืด 05.00 น. ไปจนถึงค่ำมืด 21.00 น. แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเดินชมความงาม อากาศกำลังดี วิวกำลังสวยแดดร่มลมเย็นสบาย ก็น่าจะเย็นย่ำ 17.00-18.30 น.
ค่ำกว่านั้น ไม่ค่อยแนะนำ เพราะพื้นที่ที่กว้างขวาง มีมุมลับตาปลอดคน ขณะที่เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยอาจจะยังไม่มากพอที่จะดูแลได้อย่างทั่วถึง ฉะนั้น ถ้าเริ่มมืด ขอให้หาทางออกจะดีกว่า
ปัจจุบันสวนป่าเบญจกิติ เริ่มเป็นที่นิยม มีหนุ่มสาวให้ความสนใจ แวะเวียนมาเดินเล่น จ็อกกิ้ง ปั่นจักรยาน โดยเฉพาะเป็นจุดถ่ายภาพ หลายคนใส่ชุดเก๋ ชุดรับปริญญามาเก็บภาพบนสกายวอล์ก ระยะทางยาวเป็นกิโล บอกได้เลยว่า วิวสวยจริง ๆ แบ็กกราวน์สวนสีเขียวห้อมล้อมด้วยตึกสูง เรียกว่า สวยทุกมุม
แต่จุดที่เดินไปเสียวไป ก็คือ ตรงสะพานเชื่อมสวนป่าเบญจกิติ เข้ากับสวนลุมพินี เป็นสะพานยาว เรียกขานกันว่า สะพานเขียว ความยาวเป็นกิโล พาดข้ามทางด่วน ผ่านชุมชนร่วมฤดี เชื่อมเข้ากับบริเวณคลองไผ่สิงโต ส่วนอีกด้าน ก็ยังต่อทางเดินเชื่อมมาที่ซอยสุขุมวิท 4 เรื่อยยาวไปถึงซอยสุขุมวิท 10
เป็นทางเดินที่ยาวมาก มีผู้คนในบริเวณนั้น ได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างบนสะพาน ในการทำกิจกรรมหลากหลาย เช่น เป็นที่วิ่งเล่นของเด็ก ๆ ในชุมชน เป็นที่สัญจรของหลายคน ต้องถือว่า เป็นประโยชน์ของคนแถวนั้น ถึงกับมีคนหัวใส นำบันไดยาวมาพาดไว้เป็นทางขึ้นลง ไว้เป็นทางลัดเชื่อมขึ้นลงสะพาน ยิ่งไปกว่านั้น คนหัวคิดธุรกิจ เริ่มสร้างหน้าร้าน ขายน้ำ ขายขนม แถมด้วยบันไดพาดสำหรับที่นั่งชิล ๆ และห้องน้ำ
เชื่อว่า ต่อไปคงมีคนเลียนแบบ ผุดร้านแบบนี้ตาม
โครงการเชื่อมเมืองเข้าหากัน ด้วยการสร้างสะพานแบบนี้ มีวัตถุประสงค์ดี สร้างประโยชน์ให้กับชุมชน เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจัดให้มี ก็คือ การดูแลให้สะพานได้ทำหน้าที่ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้คนที่สัญจร กล่าวคือ บนสะพานที่ยาวเหยียดกิโลกว่า จะต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ใช้อุ่นใจ
ถ้าให้ดี น่าจะมีเจ้าหน้าที่แวะเวียนกันมาดูแล อย่างน้อยในช่วงเย็นย่ำ ใกล้ค่ำ ที่ผู้คนเริ่มบางตา ความสว่างน้อยลง
ยิ่งเปิดถึง 3 ทุ่มอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม สวนป่าเบญจกิติ ถือว่าดีเลิศ อยากให้เพื่อน ๆ ชาวกทม.ได้ใช้ให้สมกับที่ภาครัฐทุ่มทุนพัฒนาให้เราได้ใช้เป็นแหล่งพักผ่อน เป็นปอดให้กับคนกรุง
ลองแวะมา แล้วจะติดใจ!!