กินดื่มในร้านเริ่มคึกคัก ดันไทยเบฟกำไร 9 เดือนเฉียด 4 หมื่นล้าน

0
325
kinyupen

ไทยเบฟโชว์กำไร 9 เดือนเฉียด 4 หมื่นล้าน ชี้โควิดคลี่คลาย หนุนท่องเที่ยว-กินดื่มในร้านกลับมาคึกคัก ควักอีก 5-8 พันล้านลุยโลจิสติกส์-รถไฟฟ้า ชูเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เป็นหัวหอกรับเทรนด์รักสุขภาพ

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารรายใหญ่ เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ทำให้การท่องเที่ยวและการกินดื่มในร้านกลับมา จนช่วยให้ผลประกอบการของไทยเบฟฯช่วง 9 เดือน (ต.ค. 64 – มิ.ย. 65) มีรายได้จากการขายเติบโต 8.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 207,922  ล้านบาท และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) เพิ่มขึ้น 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 39,110 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจเบียร์ 13,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5%  กำไรจากธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1,717 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4%  กำไรจากธุรกิจอาหาร 1,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.1%  นอกนั้นเป็นกำไรจากธุรกิจสุรา

แนวทางจากนี้จะนำเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังมาแรงมาใช้เป็นเครื่องจักรสร้างการเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญมากขึ้น  ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก ดังนั้น เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทจึงได้ปรับโครงสร้างนำกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ขึ้นมาเป็นคีย์โปรดักต์ที่จะสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจควบคู่ไปกับเบียร์และเหล้า

“เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ มีโอกาสการบริโภคสูงมาก สะท้อนจากในวันหนึ่ง ๆ ผู้คนดื่มเครื่องดื่มต่าง ๆ หลากหลายตลอดทั้งวัน แต่ดื่มแอลกอฮอล์ได้เพียง 1-2 ขวดเท่านั้น เราจึงต้องโฟกัสด้านนี้มากขึ้น แม้มาร์จิ้นจะต่ำกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม”

นายฐาปนกล่าวต่อไปว่า จากนี้ไปบริษัทจะเดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล หรือไม่มีพลังงานให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เน้นทั้งด้านสุขภาพและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคตั้งแต่คนรุ่นใหม่ขึ้นมาจนถึงสูงวัย รวมถึงลงทุนด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจนี้

ในปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 65-ก.ย. 66) บริษัทมีแผนลงทุน 5,000-8,000 ล้านบาท เน้นพัฒนาด้านการขนส่งและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในเครือ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการซื้อกิจการเข้ามามากในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งการลงทุนนี้จะสนับสนุนธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ไปพร้อมกัน เช่น ระบบขนส่งกระจายสินค้า โกดังสินค้า รวมถึงการเปลี่ยนรถขนส่งประมาณ 1 ใน 3 เป็นรถไฟฟ้า(อีวี)

นอกจากนี้ จะรุกเข้าสู่ธุรกิจสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้เล่นไม่มากนัก อีกทั้งบริษัทยังสามารถสร้างความได้เปรียบจากการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทำเล และธุรกิจอื่น ๆ ที่บริษัทมีอยู่แล้วได้ เช่น นำร้านเคเอฟซีและร้านอาหารอื่น ๆ เน้นสไตล์ทานง่าย-เร็ว เข้ามาเปิดบริการในสถานี โดยจะนำร่องจากสาขาเคเอฟซีที่มีจุดชาร์จรถในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนจะตามด้วยสถานีแห่งแรก ซึ่งคาดว่าจะตั้งที่จังหวัดนครปฐม

นายฐาปนกล่าวว่า กลุ่มไทยเบฟเน้นย้ำเป้าหมายที่จะสรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth) ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจในไทยและในภูมิภาค โดยตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Zero Carbon) ภายในปี 2583  หรืออีก 18 ปีข้างหน้า


kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here