ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน และล้วนส่งผลกระทบต่อเราไม่มากก็น้อย ช่วงนี้เกิดกระแสแบนธุรกิจต่างๆ มาอย่างยาวนาน ทั้ง Lazada Foodpanda และอื่นๆ มากมาย
สำหรับนักลงทุนหรือฝ่ายการตลาดของแบรนด์ต่างๆ จำเป็นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการรับมือ วางแผน ทบทวนและตัดสินใจลงมือทำในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวแบรนด์รวมถึงตัวของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้ตัวแบรนด์ยังคงอยู่กับผู้บริโภคได้นานขึ้น
วันนี้กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต เอาใจสายการตลาด-นักลงทุนมาแนะนำวิธีทำอย่างไรเมื่อการเมืองมีผลกับแบรนด์
แบรนด์และนักการตลาดสามารถทำอย่างไรได้ เมื่อการเมืองมีผลกับแบรนด์
เป้าหมายหลักในการทำแบรนด์สำหรับนักลงทุนหรือนักการตลาดส่วนใหญ่คือ ต้องการให้แบรนด์ของตัวเองอยู่คู่กับผู้บริโภค และเช่นเดียวกันนักลงทุนหรือฝ่ายการตลาดหลายคนเลือกที่จะอยู่ให้ห่างจากการเมืองให้มากที่สุด แต่วันนี้การเมืองกลับกลายเป็นเรื่องที่วิ่งเข้ามาหาเราเอง การเพิกเฉย หรือการไม่ตอบอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในวันนี้ เพราะอาจถูกผลักไปอยู่ในหมวดหมู่ของ ‘คนที่เพิกเฉยต่อความถูกต้องไม่ว่าจะฝั่งไหน’ รวมถึงหากมีส่วนร่วมทางการเมืองมากเกินไปก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เสียหายได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามกินอยู่เป็นขอเสนอ 3 วิธีที่จะทำให้การเมืองไม่ส่งผลกับแบรนด์ของเรา
1. แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน
การเลือกข้างแบบเคสต่างประเทศนั้นไม่ใช่ว่าทุกแบรนด์จะทำได้ แต่อย่างไรก็ตามในการจะทำให้แบรนด์คุณมีความชัดเจน คุณจำเป็นต้องมีความชัดเจนในการเลือกแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนย่อมเหมาะกับสินค้าและแบรนด์ที่เปรียบได้กับ Iconic Brand เป็นสินค้าที่ตอบความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในระดับที่มากพอที่การแสดงจุดยืนนี้ย่อมทำให้เกิดอิมแพค และทำให้แบรนด์ยกระดับขึ้นไปอีกจุดหนึ่งได้
2. ประกาศชัดเจนขอแยกเรื่องประเด็นการเมืองกับการพัฒนาสินค้า
เรื่องของการแยกประเด็นที่สมเหตุสมผลมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ย่อมมีผลกระทบตามมาจากความไม่พอใจในการไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง อย่างไรก็ตามหากท้ายที่สุดแบรนด์และสินค้าสามารถพัฒนาสินค้าสามารถยึดครองใจผู้บริโภค ในอนาคตคุณก็อาจจะสามารถดึงความพึงพอใจของผู้บริโภค
3.ตัดสินใจที่จะอยู่เฉย
ทางเลือกนี้อาจจะไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดการตัดสินใจอยู่เฉยๆ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่เสี่ยงพอๆ กับการแสดงจุดยืน เพราะหากคุณเงียบในจังหวะที่ไม่ควรเงียบ เรื่องอาจจะพลิกกลับมากลายเป็นว่าคุณคือพวก Ignorant หรือเพิกเฉยอย่างไม่ใส่ใจได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นศิลปะในการเงียบ ต้องดูจังหวะ ทิศทางของกระแสให้ดีจริง
อย่างไรก็ตามเลี่ยงไม่ได้ว่าการเมืองมีผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ดังนั้นทางแบรนด์จำเป็นที่จะต้องวางตัวให้เหมาะสมเพื่อภาพลักษณ์ของแบรนด์