รู้ไว้! 7 สิ่งต้องทำเมื่อฝนมา

0
669
kinyupen

หลายวันมานี้ หลายจังหวัดในประเทศไทยเผชิญกับฝนตกหนักในหลายพื้นที่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของมวลอากาศอย่างฉับพลัน ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ วันนี้กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตได้รวบรวม 7 เรื่องต้องรู้ ป้องกันภัยเมื่อพบกับวันที่ฝนตกมาฝาก

รวม 7 วิธีลดความเสี่ยงภัยอันตรายจากฝนตก

1. เพิ่มความระวังการใช้ถนน ตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ

อุบัติเหตุส่วนใหญ่แล้วมักเกิดขึ้นตอนฝนตก สร้างความสูญเสียให้กับผู้ประสบเหตุ ดังนั้นช่วงหน้าฝนผู้ขับขี่ยานพาหนะ ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งยังจำเป็นเตรียมสภาพรถให้พร้อมไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์หรืออุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ เช่น ยางรถ ที่ปัดน้ำฝน รวมถึงระบบสัญญาณไฟให้อยู่สภาพใช้งานได้ดี

หากพบเห็นอุบัติเหตุหรือประสบอุบัติเหตุ ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บด้วยตนเอง ควรรีบโทรสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะหากช่วยเหลือผิดวิธีจะทำให้ผู้ป่วยเป็นอันตรายมากขึ้น ควรรอเจ้าหน้าที่จะเข้ามาให้การช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายจะปลอดภัยกว่า

2. ติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้านหรือต่อสายดิน

อีกเรื่องที่ต้องระวังอย่างมากในขณะที่ฝนตกคือเรื่องของปัญหาไฟฟ้ารัดวงจร เป็นอีกหนึ่งอุบัติเหตุที่พบบ่อยในช่วงหน้าฝน มักเกิดจากอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีไฟรั่ว ซึ่งวิธีป้องกันการโดนไฟฟ้าดูดนั้น เมื่อเราตัวเปียกห้ามเปิดสวิตช์ไฟหรือเสียบปลั๊กไฟ เพราะอาจจะทำให้โดนไฟฟ้าดูดได้ ควรหมั่นตรวจเช็กอุปกรณ์และสายไฟ ที่สำคัญควรติดตั้งเครื่องตัดไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้านหรือต่อสายดิน เพื่อความปลอดภัยและเป็นการป้องกันที่ดี

3. ระวังตัวจากสัตว์ที่มีพิษ

สิ่งที่ซึ่งต้องควรระวังอีกสิ่งหนึ่งในช่วงที่ฝนตกคือเรื่องอันตรายจากสัตว์ที่มีพิษ ไม่ว่าจะเป็นแมงป่อง งูพิษ หรือตะขาบ ดังนั้นวิธีป้องกันที่จะลดความเสี่ยงที่เราอาจจะโดนสัตว์มีพิษเหล่านี้ทำร้ายได้คือ ควรหลีกเลี่ยงการเดินในที่รกมีหญ้าสูง โดยเฉพาะเวลากลางคืน ถ้าจำเป็นต้องเดินผ่านควรใส่รองเท้าหุ้มข้อเท้า ใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว เตรียมไฟฉายและไม้

ถ้าถูกงูพิษกัดควรปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยการล้างแผลด้วยน้ำสะอาด บีบเลือดบริเวณบาดแผลออกเท่าที่ทำได้ ไม่ควรใช้ปากดูดเลือด ห้ามกินยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน เพราะจะเสริมฤทธิ์ให้พิษงูทำงานเร็วยิ่งขึ้น

4. งดใช้โทรศัพท์มือถือ-เลี่ยงการอยู่ที่แจ้ง

งดพฤติกรรมเหล่านี้ขณะที่ฝนตกอาจจะมีฟ้าร้อง หรือฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา หากอยู่ในที่โล่งแจ้งให้หาที่หลบที่ปลอดภัย เช่น ในตัวอาคาร สิ่งปลูกสร้างที่แข็งแรงมั่นคง หลีกเลี่ยงการหลบบริเวณใต้ต้นไม้ หากหาที่หลบไม่ได้ให้หมอบนั่งยองๆ ให้ตัวอยู่ต่ำที่สุด นอกจากนี้ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งนำไฟฟ้าอย่างเช่น โลหะ เงิน ทอง หรือนาค รวมไปถึงงดการใช้โทรศัพท์มือถือ

5. อย่าตากฝน-เลี่ยงการอยู่ที่แออัด

ขณะที่ฝนตกอากาศจะเริ่มเย็นลง ส่งผลให้ความชื้นในอากาศเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เชื้อโรคสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว สามารถก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจได้หลายโรค เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกและถ้าเลี่ยงได้อย่าออกไปตากฝน

6. หลังตากฝนควรอาบน้ำ-สระผมทันที

แต่หากคุณตากฝนหรือเปียกฝนเสียแล้ว ให้รีบอาบน้ำและ “สระผม” เพราะการอาบน้ำสระผมจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย และยังทำให้อุณหภูมิของร่างกายกระจายตัวไม่ได้เย็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณเลือกที่จะไม่สระผม ก็ควรเช็ดผมให้แห้ง รวมถึงรีบทำให้อุณหภูมิของร่างกายให้อุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด

7. เมื่อน้ำท่วมจงอยู่ให้ห่างจากเสาไฟฟ้า

กรณีหากคุณจำเป็นนี่จะต้องใช้ทางเดินถนนที่มีเสาไฟฟ้าติดตั้งอยู่ใกล้ๆ ควรอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าหรือระบบนำจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอย่างน้อย 2-3 เมตร เพื่อป้องกันกรณีเกิดไฟฟ้ารั่วหรือไฟฟ้าลัดวงจร

อย่างไรก็ตามหากพบเห็นสายไฟฟ้าขาดหรือเสาไฟฟ้าล้ม-ขาดชำรุดแช่อยู่ในบริเวณแอ่งน้ำขัง อย่าเข้าใกล้บริเวณดังกล่าวเป็นอันขาด และรีบแจ้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ใกล้เคียงหรือสายด่วน PEA โทร. 1129 เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ดำเนินการแก้ไข

หวังว่าเกร็ดความรู้ที่กินอยู่เป็นนำมาฝากกันวันนี้ จะช่วยย้ำเตือนให้คุณรู้จักระมัดระวังจนเป็นนิสัย เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่แข็งแรงตลอดช่วงสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้นะคะ

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here