เดินเร็ว วิ่งจ๊อกกิ้ง ด้วยสูตร 2+ 2.5 เพื่อสุขภาพและหมดกังวล

0
367
kinyupen

ก่อนชีวิตจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ ที่ไม่ปกติเพราะต้องเปลี่ยนวิถีใหม่โดยเฉพาะการ ทิ้งช่วงระยะห่างทางสังคม ซึ่งในที่นี้รวมถึงกิจกรรมออกกำลังกายโดยเฉพาะกลุ่มสายเดี่ยวที่นิยมการวิ่ง หรือเดินเร็ว

 

ประเด็นที่น่าสนใจที่กินอยู่เป็น ขอนำเสนอคือบทความจาก นิวยอร์กไทม์ โดย Gretchen Reynolds ที่นำเสนอผลการทดลองวิจัยของมหาวิทยาลัยในยุโรปที่ศึกษาและจำลองการแพร่กระจายของละอองจากการไอจาม ขณะที่คนกำลังวิ่งหรือเดินเร็ว

 

ในการวิจัยได้ระบุว่าในขณะที่วิ่งหรือเดินเร็ว ที่ร่างกายมีการเคลื่อนไหว ละอองของน้ำมูก น้ำลายที่เกิดจากการไอจามจะ ฟุ้งกระจายไกลกว่าที่เราเดินหยุดอยู่กับที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว  รวมทั้งลักษณะของการฟุ้งกระจายที่เกิดจากบุคคลกำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว นั้นละอองจะฟุ้งกระจายไปทางด้านหลังที่จะต่างจากการเคลื่อนไหวปกติ ไม่ว่าจะเดินหรือยืนอยู่ ที่ละอองจะฟุ้งกระจายไปด้านหน้าหรือด้านข้าง ทั้งหมดนี้เพราะการวิ่ง หรือเดินเร็วจะมีแรงลมเกิดขึ้นขณะเคลื่อนไหว

 

ในการวิจัยได้ระบุว่าหากเราเคลื่อนไหวในระดับปกติ การทิ้งช่วงห่างระยะ 2 เมตรถือว่าปลอดภัย หากเป็นการวิ่งหรือเดินเร็ว ที่เกิดแรงลมขณะเคลื่อนไหว ควรเพิ่มระยะห่างจากคนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าอีก 2.5 เมตร คือเป็น 4.5 เมตร  ทีนี้อาจเกิดคำถามว่าแล้วถ้าวิ่งไปประชิดแล้วและรู้สึกอึดอัดเพราะคนหน้าบังวิว ควรทำอย่างไร  เพื่อหลีกเลี่ยงความรำคาญใจที่อาจต้องเว้นระยะกรณีทางวิ่ง หรือทางเดินออกกำลังแคบ ในบทความได้แนะนำให้เราเยื้องตัวมาด้านข้างเพื่อไม่ให้รู้สึกอึดอัด

 

แม้การศึกษานี้จะยังไม่ได้มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ หากก็เป็นการศึกษาที่น่าสนใจ กินอยู่เป็นขอเชิญชวนนักออกกำลังเพื่อสุขภาพทุกท่าน วิ่งหรือเดินเร็วในสวนสาธารณะแบบถอยห่างอีกนิด เพื่อหมดกังวล และได้นำภาพบรรยากาศสวนรถไฟในวันนี้มาฝากกัน

 

 

ขอขอบคุณภาพจาก ; Khunphiphat Laeadon 

 

kinyupen