สำรวจเคมีนักเดินทาง

0
396
kinyupen
มองผ่านหนุ่มรัสเซียซำเหมา ตรวจแถวกองทัพแบกแพคเกอร์พันธุ์ใหม่ ทำงานแลกเงินต่อชีวิต แลกค่าตั๋วเดินทาง ฟรีแลนเซอร์แบกเป้ท่วมโลก หรือจะหมดยุคทำงานเก็บเงินเที่ยว

กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอนำท่านไปติดตามเรื่องราวของแบกแพคเกอร์หรือนักเดินทางพวกแบกเป้ นอนง่าย กินถูก เที่ยวถูก เกิดขึ้นมานานหลายสิบปี เพิ่มมากขึ้นและแตกเหล่าออกไปในยุคที่โลกเสมือนไร้พรมแดนการสื่อสารคือสะพานเชื่อมโลก คนเหล่านี้ตามรอยพวกนักสำรวจรุ่นแรกๆอย่าง เอ็ดมันด์ ฮิลลารี่ผู้พิชิตเอเวอเรสต์ หรือคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสผู้คนพบทวีปอเมริกาแสวงหาแผ่นดินและความเร้าใจบนดินแดนที่น่าค้นหา การเดินทางของแบกแพคเกอร์ขนานไปกับ “ทัวริสต์” หรือนักท่องเที่ยวที่ทำงานเก็บเงินประเภทซื้อกรุ๊ปทัวร์มีไกด์นำทาง ไม่ต้องหาข้อมูล ไม่ต้องจองตั๋วเอง ไม่ต้องหาห้องพัก แต่เมื่อโลกแห่งข้อมูลข่าวสารเติบโตขึ้น ไกด์บุ๊กมีหลากหลาย อินเตอร์เน็ตเป็นคำตอบของทุกสิ่ง ทำให้คนเดินทางแสวงหาทางเลือกของตนเอง ทำให้ “ทัวริสต์” แบบเก่าๆ ลดน้อยลง

 

จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมนักเดินทาง นักท่องเที่ยวในปัจจุบันต่างไปจากเดิมคือ แทนที่จะเก็บเงินก้อนแล้วออกเที่ยวโดยเลือกบริษัทและโปรแกรมทัวร์ แต่ลงมือหาข้อมูลจากไกด์บุ๊กหรือข้อเขียนของบล็อกเกอร์ที่ไปเส้นทางนั้นๆ มาก่อน หนึ่งในนั้นเป็นประเภทเที่ยวไปใช้ชีวิตไป อย่างที่เราจะเห็นได้จากเรื่องราวของเหล่าบล็อกเกอร์ทั้งไทยและต่างประเทศในลักษณะของการใช้ชีวิตอิสระ โดยเฉพาะกลุ่มฟรีแลนซ์ที่ทำงานอิสระหารายได้จากโลกดิจิทัล คือนั่งตรงไหนที่มีสัญญานไวไฟแรงๆ ก็ทำงานได้

 

นักท่องเที่ยวขาเข้าที่ผ่านเข้าประเทศมมีปีละกว่า 15 ล้านคน ทำเงินให้ประเทศเราปีละเกือบ 800 ล้านบาท สัญชาติที่เพิ่มมากที่สุดเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนที่เปลี่ยนจากเป้เป็นกระเป๋าลาก จากเดิมที่เป็นกลุ่มแบกเป้เดินทางจากยุโรปและอเมริกา และต้องยอมรับว่า คนที่มาก็มีทั้งแบบคุณภาพและไม่คุณภาพซึ่งเป็นเรื่องแยกแยะได้ยาก หนึ่งในคนพวกนี้เป็นฝรั่งหน้าตาหล่อ เหมือนแขกปนฝรั่ง ปนจีน  นั่งอยู่ ริมทางเท้า ริมทางเดินของถนนสีลมใกล้สวนลุมพินี มีเป้ใบใหญ่ขนาดจุสัก 20 ลิตรวางข้างกาย พิงไม้เท้าเดินเขาไว้อีกข้าง ถอดรองเท้าเดินเขาหุ้มข้อไว้อีกมุม

 

เบื้องหน้ามีภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดวางเรียงรายบนผ้าปู เป็นภาพสวยๆ สถานที่ต่างๆ ที่ไม่ใช่เมืองไทย และมีแผ่นกระดาษเขียนภาษาไทยบอกว่า “ต้องการขายภาพแลกเงิน จะให้กี่บาทก็ได้” ไมเคิล เป็นแบกแพกเกอร์หนุ่มจากรัสเซียที่ใช้ภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดแลกเงินเพื่อเดินทางไปในที่ต่อไป ซึ่งถือว่า เป็นวิธีการที่เชยมากสำหรับยุคนี้ ดูจากภาพที่นำมาวางโชว์  เขาคงเดินทางมาไม่น้อยทีเดียว ขึ้นเขา ลงห้วย ลุยหิมะ นอนหนาวกลางหุบเขาในอุณหภูมิเยือกแข็งมาหลายที่

 

คุยกันสั้นๆ ได้ความว่า เขาเดินทางมาจากเมืองชื่อแปลกๆ ในประเทศรัสเซียเป็นเมืองที่มีคนมุสลิมอยู่เยอะ และจะเอาเงินที่ได้ซื้อตั๋วเครื่องบินต่อไปยังประเทศอินเดีย แววตาแล้วดูใสซื่อ ไม่น่าเป็นพวกต้มมนุษย์ด้วยกัน แต่ถ้าคิดแง่ร้ายหนุ่มคนนี้อาจแค่อยากหาค่าเกสต์เฮ้าส์คืนนี้ เมื่อก่อนนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่ค่อยสนใจตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพราะใช้จ่ายเงินน้อย เลือกไปสนใจกลุ่ม “อีลิท” ที่รวยและมาเที่ยวแบบ กินแพงอยู่แพงมากกว่า บางทีอาจจะลืมนึกไปว่า คนพวกนี้บางคนอาชีพการงานดี แต่เลือกเดินทางแบบประหยัดเพื่ออยู่กันยาวๆ เขาอยากเดินทางเพื่อมา “ใช้ชีวิต” ได้มองหามุมใหม่ๆ ของโลก พวกเขาเป็น “นักเดินทาง” ชอบซอกแซกเข้าซอย เข้าตลาด ใช้ชีวิตกับผู้คนในชุมชน ไม่ใช่ท่องเที่ยวแบบ ชะโงก ชิม ช้อบ แชะ และเช็คอิน

 

คนสายพันธุ์นี้เติมเงินเติมความรู้ให้ชุมชนทีละนิดเหมือนหยอดกระปุกน้อยๆ แต่นานๆ ไม่ใช่เทเงินใส่กระเป๋าบริษัททัวร์ที่บางครั้งเปิดร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกเอง  และหลายคนกลับมาอีกเมื่อมีหน้าที่การงาน มีเวลาและฐานะดีขึ้น ทุกวันนี้เกสต์เฮ้าส์ระดับดีและโฮสเตลเท่ๆ เกิดขึ้นมากมายเพื่อรองรับคนเดินทางกลุ่มนี้ ซึ่งได้กลายพันธุ์ไปเป็น “แฟลชแพคเกอร์” (flashpacker)  หรือแบกแพคเกอร์ยุคพัฒนาที่มีกำลังซื้อ มีหน้าที่การงาน มีรายได้ดี แน่นอนรสนิยมดีขึ้น

 

กลุ่มนี้ไม่ชอบให้ใครมาจับใส่รถพาไปช้อบปิ้งตามร้านของที่ระลึก เลือกที่จะเที่ยวเองแต่เพิ่มความสะดวกให้ตัวเองมากขึ้น บางคนเปลี่ยนจากแบกเป้มาเป็นลากกระเป๋ามีล้อ  ขึ้นรถทัวร์ รถไฟ หรือเครื่องบินราคาประหยัดแทนการโบกรถแบบแต่ก่อน  เลือกกินอาหารอร่อย นอนดี เพราะไม่อยากฟังคนอื่นกรน หรือดมขี้เต่าคนแปลกหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนพันธุ์นี้ยังคงนิสัยเดิมอยู่คือ ชอบซอกแซกเข้าหาชุมชน พบปะผู้คน  กินของอร่อยข้างทางหรือร้านที่ไกด์บุ๊กแนะนำ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ขยายตัวมากขึ้นจนโรงแรมใหญ่ๆ 5-6 ดาว ต้องปรับตัวก้มลงมามองคนพวกนี้  โดยหันมาทำโรงแรมเล็กๆพวกโฮสเตล หรือ ดอมิทอรี ที่มีเตียงหลายชั้นแบบหอพักนักศึกษา ที่ทั้งดีและสะอาดแบ่งตลาดไป

 

นักเดินทางประเภทไมเคิลมีมากมายหลายแบบและมีอยู่ทั่วโลก บางคนพกเงินมาพอแค่พอมาใช้ชีวิต มาอยู่ มากิน มานอนกับชาวบ้าน แต่เมื่อจะเดินทางไปต่อก็งัดเอาความถนัดของตนเองมาขาย บางคนนำงานหัตถกรรมจากที่หนึ่งมาขายอีกที่หนึ่ง เช่น เปลถัก กำไล สายสร้อยแปลกๆ บางคนเอางานศิลปะมาขายบวกกำไรนิดหน่อย  บ้างก็มาขอทำงานตามร้านอาหารตามเกาะ ตามเกสต์เฮาส์ หรือทำงานในสวนในไร่ และมีไม่น้อยมาช่วยสอนภาษาให้เด็กตามโรงเรียนชนบทแลกประสบการณ์หรือที่พัก นอกจากประหยัดเงินได้หลายบาทแล้ว  เงินส่วนนี้คือ ต่าตั๋วและต้นทุนในการเดินทางไปในเมืองอื่นหรือประเทศอื่นต่อไป

 

โลกกำลังเปลี่ยนไปมนุษย์สายพันธุ์ที่เรียกว่า “นักเดินทาง” ก็หลากหลายมากขึ้นด้วย คนแบบไมเคิลเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่น่าสนใจ อาจมีประโยชน์กับการท่องเที่ยวไทยไม่มากก็น้อย นี่คือหนึ่งในวิถีแห่ง กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต
kinyupen