“You are what you eat” คุณกินอะไรเข้าไปผลของร่างกายของคุณเป็นอย่างที่คุณกิน หลายคนคงคุ้นกับสำนวณที่ว่า แน่นอนว่าท่ามกลางยุคของการแพร่ระบาด คนหันมาให้ความใส่ใจกับปัญหาสุขภาพรวมถึงการกินกันเพิ่มมากขึ้น วันนี้กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต จะมาแนะนำเคล็ดลับสุขภาพที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาแนะนำ
รวม 5 เคล็ดลับสุขภาพที่หลายคนยังไม่รู้
ยาฆ่าเชื้อ ยาแกอักเสบ (ยาปฏิชีวนะ) มีผลข้างดคียงทำให้ท้องเสีย อย่างที่เรารู้กันนี้ ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เป็นยาที่เมื่อบางคนทานเข้าไปแล้วกลับมีอาการท้องเสีย ซึ่งนั้นถือเป็นอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้น โดยถูกเรียกว่า อาการท้องเสียที่สัมพันธ์กับการใช้ยาปฏิชีวนะ(Antibiotic-associated Diarrhea)
ซึ่งสาเหตุของการเกิดผลข้างเคียงดังกล่าวเป็นเพราะ ยาปฏิชีวนะที่ร่างกายได้รับจะเข้าไปรบกวนหรือเปลี่ยนแปลง สมดุลของแบคทีเรียธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในลำไส้ ส่งผลให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียธรรมชาติในลำไส้ลดลง ทำให้เชื้อก่อโรคเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นและหลั่งสารพิษทำให้ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรต พบประมาณ 1 ใน 3 คือ เชื้อคลอสตริเดียม ดิฟฟิไซล์(C.difficile)
ยาบางตัวสามารถทำให้ท้องผูก ภาวะท้องผูกอาจเกิดมาได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึงก็คือ “การทานยา” เนื่องจากยาบางตัวมีฤทธิ์ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ทำให้ท้องผูก โดยกลุ่มยาที่ทานแล้วสามารถเกิดอาการท้องผูกได้มีดังนี้
| – ยาประเภทอะลูมินัม หรือยาลดกรดอะลูมินัม | – ยาบำบัดโรคจิต (antipsychotics) |
| – ยาลดการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อ (antispasmodics) | – ยาต้านพาร์กินสัน (antiparkinson drugs) |
| – ยาระงับปวดโอปิออยด์ (opioid analgesics) | – ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไมใช่สเตียรอยด์ |
| – ยาลดความดันโลหิต (antihypertensives) | – ยาต้านโรคลมชัก (antiepileptic drugs) |
| – ยาต้านฮีสตามีน (antihistamines) | – ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonates) |
| – ยาต้านซึมเศร้าในกลุ่ม tricyclic antidepressants | – ยาอื่น ๆ เช่น ยาเหล็ก (iron preparations) |
กล้วยช่วยสุขภาพ หลายคนคงนึกไม่ถึงว่ากล้วยผลไม้ที่ใครหลายคนนิยมรับประทานนั้น มีประโยชน์หลายอย่าง เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม โปแตสเซียม (Potassium) ซึ่งเป็นตัวช่วยในการสมานแผลไม่ว่าจะเป็นแผลสดหรือแผลผ่าตัด นอกจากนี้ยังมีโปรตีน(Protein) ทริปโตเฟน(Tryptophan) ซึ่งเป็นสารตั้งต้น ของการหลั่งเอ็นโดรฟิน (Endorphine) ทำให้มีความสุข และยังมีสารเพคติน (Pectin) ที่ช่วยบรรเทาอาการ ท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้
นอกจากนี้เปลือกของกล้วยยังนำมารักษาโรคต่างๆได้อีกด้วยอาทิ
– ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ให้นำเปลือกกล้วยหอมสดมาต้มน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำไปดื่ม จะช่วยลดความดันโลหิตได้ หรือแม้แต่การ รับประทานผลกล้วยสุก เป็นประจำก็ช่วยป้องกันโรคความดันเลือดสูง
– รักษาโรคหูด (Warts) โดยใช้เปลือกกล้วย วางลงบนแผลหูดให้ด้านสีเหลือง ของเปลือกออกด้านนอก หลังจากนั้นใช้ผ้าพันแผล บริเวณนั้นเอาไว้ ทำซ้ำหลาย ๆ คืน หูด (Warts) ก็จะค่อย ๆ หาย
– แก้ก้เม็ดผื่นคัน จากยุงกัด หรือแมลงกัดต่อย โดยใช้เปลือกด้านใน ทาบริเวณที่โดนยุงกัด จะช่วยลดอาการคัน และทำให้เม็ดผื่นคัน ยุบตัวลงเร็วขึ้น
– เป็นยาฆ่าเชื้อ โดยเปลือกกล้วยสามารถรักษาแผล ที่ถูกมีดบาดได้ โดยนำเปลือกกล้วยมาตัดเป็นชิ้นแล้วคว่ำส่วนสีขาว ปิดลงบนแผล จากนั้นใช้ผ้าก๊อซปิดทับอีกที ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง ค่อยมาเปลี่ยนเปลือกกล้วยเป็นชิ้นใหม่ ปิดแบบนี้ไว้สักพัก แล้วแผลจะค่อยๆหาย
วิตตามินซีเป็นสารตั้งต้นของคอลลาเจน หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆแล้ววิตตามินซีนั้นเป็นสารตั้งต้นในการผลิตคอลลาเจน โดยวิตามินซีนั้นทำให้จะทำให้เกลียวสามสายภายในโมเลกุลของคอลลาเจนแข็งแรงและ hydroxylysine เป็นตำแหน่งที่ทำให้เกิดพันธะเชื่อมกันระหว่างโมเลกุลของคอลลาเจนที่เรียกว่า glycosylation เกิดเป็นคอลลาเจน ดังนั้นหากอยากผิวสว่างกระจ่างใส ควรเลือกทานวิตามินซี แต่หากอยากผิวเด็กให้เลือกทานคอลลาเจน
ยาคาร์บอน ไม่ใช่ “ยาหยุดถ่าย” แต่เป็นเพียงยาที่เข้าไปช่วยดูดซับสารเคมี สารพิษ รวมถึงเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษออกมาผ่านอุจจาระ อาจช่วยลดอาการถ่ายท้องในรายที่ป่วยเป็นโรคอาหารเป็นพิษที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หากเป็นอาการท้องเสียที่ไม่ได้มีการติดเชื้อ (ถ่ายเหลว แต่ไม่ได้ปวดบิด อาเจียน หรือมีไข้ร่วมด้วย) ร่างกายจะค่อยๆ หยุดถ่ายไปได้เอง อาจไม่จำเป็นต้องกินยาคาร์บอน แต่ควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากการถ่าย ป้องกันอาการช็อกจากการขาดน้ำกะทันหันแทน
และนี่คือ 5 ความจริงที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เชื่อว่าความจริงหลาย ๆ ข้อคงทำให้หลายคนอาจจะได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง หากมีข้อมูลอะไรอัปเดตสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจ กินอยู่เป็น
