วิธีขอพรให้ปังใน “วัดโพธิ์” ที่สายมูไม่ควรพลาด

0
2789
kinyupen

วันหยุดนี้ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตขอแนะนำทริปสั้นๆ ยามบ่ายถึงค่ำแบบครบรส สำหรับสายเที่ยวและสายมู โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแก้เรื่องราหู ความรัก ขอลูก และขอโชคลาภความสำเร็จ

 

 

โปรแกรมของทริปนี้คือช่วงบ่ายถึงค่ำ ไหว้พระ ขอพรที่วัดโพธิ์ กินข้าวท่าเตียน ดื่มกาแฟปากคลองตลาด หรือบางท่านจะสลับเป็น กินข้าว ดื่มกาแฟ ปากคลองตลาด เที่ยววัดโพธิ์ และจบด้วยกินข้าวที่ท่าเตียน ก็แล้วแต่การจัดสรรเวลา การเดินทางสามารถไปได้ทั้งรถไฟใต้ดิน ลงสถานีสนามไชย ทางออก 1 หรือนำรถไปจอดที่ข้างวัดโพธิ์ หรือท่าราชวรดิษฐ์

 

วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม)

 

ทำความรู้จักวัดโพธิ์

เพื่อให้การมาเที่ยวครั้งนี้ เพลินกว่าแค่เดินดู ถ่ายรูป จึงขอบอกเล่าที่มา เริ่มจากวัดโพธิ์ หรือชื่อทางการว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชาวบ้านเรียกวัดโพ หรือวัดโพธาราม เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน ชาวจีนและชาวญวน

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 1 ถือเป็นวัดประจำรัชกาลด้วยทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็นวัดหลวงข้างพระบรมมหาราชวัง ซึ่งที่ฐานชุกชีพระพระพุทธเทวปฏิมากร ที่เป็นพระประธานในพระอุโบสถได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ อีกทั้งทรงเป็นผู้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานชั่วคราวประมาณ 2 ปี ก่อนที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามจะสร้างเสร็จ ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดให้ขยายขอบเขตพระอารามให้กว้างขวางขึ้น สร้างวิหารพระนอน พระมหาเจดีย์

 

สิ่งที่น่าสนใจนอกจากพระประธานในโบสถ์ ที่อัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้า หรือวัดคูหาสวรรค์ ที่อยู่บริเวณคลองบางหลวง ฝั่งธนบุรี คือพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล ซึ่งสร้างโดยรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 4

เป็นเจดีย์ประดับกระเบื้องเคลือบสีเขียว (สีประจำวันเกิดรัชกาลที่ 1 :พุธกลางวัน) สีขาว (สีมงคลประจำวันเกิดรัชกาลที่ 2 :พุธกลางคืน) สีเหลือง (สีประจำวันเกิดรัชกาลที่ 3 :จันทร์) และสีขาบ หรือน้ำเงินเข้ม (สีมงคลประจำวันเกิดรัชกาลที่ 4 :พฤหัสบดี) ตามลำดับ

 

พระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล

 

โดยพระมหาเจดีย์รัชกาลที่ 1 มีเรื่องเล่าว่าเดิมทีรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญโกลนพระศรีสรรเพชดาญาณจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยทรงประสงค์จะหล่อพระศรีสรรเพชญองค์นี้ขึ้นมาใหม่

แต่หลังจากทรงปรึกษากับคณะสงฆ์แล้ว คณะสงฆ์ได้ทูลถวายว่า การนำโกลนพระศรีสรรเพชดาญาณมาหลอมใหม่นั้น ถือไม่เป็นมงคลแก่บ้านเมือง จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ แบบย่อมุมไม้ยี่สิบ ครอบโกลนพระศรีสรรเพชญนี้ไว้

 

 

 

มาร์กจุดเพื่อสายมู มูอย่างไรให้ปัง

จุดแรกต้องเริ่มจากขอพรเรื่องการเรียน การงาน การเดินทาง ที่วิหารคดสมอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือเมื่อเดินเข้าจากถนนที่จอดรถด้านข้าง

 

โขลนทวาร หรือกำแพงมหาเฮง

 

จุดที่ 2 โขลนทวาร หรือกำแพงมหาเฮง ที่อยู่หน้าวิหารพระโลกนาถ ให้ขอโชคลาภ ความสำเร็จและความรุ่งเรือง ซุ้มนี้จะคล้ายประตูมงคลแบบจีน มีรูปสลักจากพงศาวดารจีน คือ ห้องสิน บนสุดมีป้ายอักษรจีนว่า บุญวาสนา เสาพระประทีป สลักร่องลึกมีลายเขียนสีทอง รูปการขนส่งทางบกและน้ำ คือ ม้า ช้าง เรือสำเภา

 

วิธีการคือ ให้ยืนกึ่งกลางหน้าซุ้ม ตั้งอธิษฐานจิตขอพรต่อหน้าพระโลกนาถฯและกลั้นหายใจเดินลอดซุ้ม ซึ่งซุ้มโขลนทวารดังกล่าวนี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้นำมาประดิษฐานไว้ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระโลกนาถ

 

ซุ้มดังกล่าวเป็นซุ้มประตูสิริมงคล ส่วนกลางด้านบนสุดสลักตัวอักษรจีนคำว่า “ฮก” (ฝู) หมายถึง บุญวาสนา ตามคติจีนที่ว่าเดินลอดซุ้มนี้จะเกิดความสิริมงคล มุมชั้นลดหลังคา ๓ ชั้นมีปลามังกรอยู่ปลายชั้นละ ๒ ตัว รวมเป็น ๖ ตัว ถือเป็นประตูมังกรตามคติความเชื่อชาวจีน หมายถึงยศศักดิ์หรือวาสนา

 

ส่วนทับหลังเหนือช่องประตูสลัก เป็นพงศาวดารจีนเรื่อง ห้องสิน ในภาพสลัก เกียงจูแหย (เจียงจื่อหยา) กำลังนั่งตกปลา ถัดมาเป็นรูปชายตัดฟืนกำลังแบกไม้คานชื่อบูกิต มาฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาการทหารกับเกียงจูแหย และเป็นผู้ชักนำให้พระเจ้าจิวบุ๋นอ๋อง (โจวเหวินหวาง) ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จิว (โจว) เสด็จมาบนราชรถพร้อมขุนนางเชิญเกียงจูแหยไปเป็นที่ปรึกษาราชการ เนื่องจากขณะนั้นพระเจ้าจิวบุ๋นอ๋อง เตรียมปราบพระเจ้าติวอ๋อง (โจ้วหวาง) แห่งราชวงศ์ซาง (เซียง) ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เบียดเบียนราษฎร

 

ส่วนช่องเล็กสองข้าง เป็นเรื่องการแต่งตั้งผู้เสียชีวิตในการรบเป็นเทพเจ้า ตามบัญชีห้องสินตอนท้ายเรื่อง และแต่งตั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ให้เป็นขุนนางด้านหลังช่องกลางสลักเป็นรูปสิงโตล่อแก้ว

ช่องเล็กสองข้างสลักภาพเกียงจูแหยเรียนวิชา และกำเนิดโลเฉีย (นาจา) สำหรับภาพผู้หญิงซ้ายขวาที่ถือ ดอกเบญจมาศและดอกพุดตานหมายถึงความโชคดี ความอุดมสมบูรณ์

 

จุดที่ 3 พระพุทธโลกนาถ ราชมหาสมมติวงศ์ องค์อนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร (ในวิหาร) อัญเชิญมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา เป็นปางห้ามญาติ สำหรับผู้เกิดวันจันทร์ มีความเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพราะความสำคัญ เดิมเคยประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ วัดในพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้อัญเชิญมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งคาดว่า น่าจะพร้อมกับการอัญเชิญพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์ในราวปี พ.ศ.2332 แต่เนื่องจากไม่ชำรุดมากจึงมีการปฏิสังขรณ์บรรจุพระบรมธาตุ และมีหลักฐานว่าเจ้าจอมแว่นพระสนมเอกในรัชกาลที่ 1 กราบทูลความปรารถนาใคร่จะอธิษฐานขอบุตร พระองค์จึงโปรดให้สลักศิลาเป็นรูปกุมารกุมารีประดับไว้ที่ฝาผนังพระวิหาร

 

พระพุทธไสยาสน์

 

จุดที่ 4 พระพุทธไสยาสน์ ที่เป็นพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปนอนขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีความยาว 1 เส้น 3 วา หรือ 46 เมตร สูง 15 เมตร สร้างแบบก่ออิฐถือปูนแล้วลงรักปิดทอง รัชกาลที่ 3 เป็นผู้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่ ด้วยวิธีสร้างองค์พระพุทธรูปขึ้นก่อน แล้วจึงสร้างวิหารครอบองค์พระ

 

ความเชื่อในจุดนี้คือ ให้อธิษฐานจิตสวดขอขมากรรมโดยเฉพาะในเรื่องความรัก สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านความรัก คู่ครอง อาจด้วยเพราะเคยไปสัญญาผูกพันไว้แต่อดีตชาติ รวมถึงผู้ที่ถูกทำนายว่าเป็นช่วงพระราหูแทรก ราหูค้นทรัพย์

สำคัญมาก! : ใครอยากแก้กรรม ให้ไหว้บริเวณพระกรรณ (หู) และหากใครอยากขอพร ให้ไหว้ที่ปลายพระบาท (เท้า) อย่าอธิษฐานผิดตำแหน่งเชียว

 

ซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป

 

จุดที่ 5 ยักษ์วัดโพธิ์ ซึ่งอยู่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑปโดยมี 4 ตน คือ

  • ยักษ์กายสีหงเสน (สีอิฐ-ชมพู) มีนามว่า พญาสัทธาสูร
  • ยักษ์กายสีเขียว นามว่า พญาขร
  • ยักษ์กายสีม่วงอ่อน นามว่า พญาไมยราพณ์
  • ยักษ์กายสีแดง นามว่า พญาแสงอาทิตย์

 

 

การอธิษฐานจุดนี้เกิดจากคำแนะนำของ มัคคุเทศก์ในวัดโพธิ์ คือ ลุงการเวก แพรแก้ว ที่บอกเล่าว่าเชื่อมต่อกับการขอทรัพย์ สมบัติ เสมือนจากท้าวเวสสุวรรณ

 

การเดินเที่ยวเพื่อเรียนรู้และมูครั้งนี้จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ แต่ถ้าหากมีเวลาและไม่ร้อนเกินไปยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะโรงเรียนนวดแผนไทย ตลอดจนตุ๊กตาหิน หรือรูปปั้นฤๅษีดัดตน

ส่วนสายกินในย่านท่าเตียน ให้เดินมาฝั่งตรงข้าม ที่ปากซอยเป็นธนาคารกรุงไทย จะมีทั้งร้านอาหารเวียดนาม อาหารไทย อาหารฝรั่ง ร้านกาแฟ รวมถึงภัตตาคารริมน้ำเพื่อชมพระปรางค์วัดอรุณยามค่ำ

 

แต่ถ้าไม่นิยมชิลด์ริมน้ำ ด้านปากคลองตลาด มีร้านกาแฟนภสร ที่ด้านล่างเป็นร้านดอกไม้ ข้างบนจำหน่ายกาแฟ และขนมหรือร้านอาหาร Farm to table ที่อยู่ในซอยตลาดดอกไม้จุดเด่นร้านนี้คือ เรือนตึกสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 และอาหารออรฺ์แกนิค

 

สุดท้ายนี้สำหรับผู้สนใจรู้และมูแบบมีผู้นำ ก็ติดต่อลุงการเวก แพรแก้วได้ที่ 086 034 7538

 

ลุงการเวก แพรแก้ว

 

 

kinyupen