ฟ้าทะลายโจรขาดตลาด-แพง กินแบบสดๆ เลยดีกว่า

0
345
kinyupen

“ฟ้าทะลายโจร” จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ที่ผ่านการพิสูจน์กันมานานจนยืนยันได้ว่า สามารถใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอได้

 

ทางการรักษาในมุมมองตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย อาการไข้ ไอ เจ็บคอ มาจากผลของธาตุไฟ ที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว จึงสามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น อย่าง “ฟ้าทะลายโจร” ไปปรับหรือลดปริมาณความร้อนในร่างกายให้สมดุล

แต่ถ้าใช้ในปริมาณเกินความจำเป็น อาจส่งผลทำให้ ร่างกายมีปริมาณความเย็นเกินไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่น อาการชาตามร่างกาย แขนขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือลมพิษ เป็นต้น

 

บรรจุในบัญชียาหลัก

ด้วยสรรพคุณของ “ฟ้าทะลายโจร” ที่ใช้กันมานานหลายปีจนได้รับการยอมรับ จึงเป็นสมุนไพรที่ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2542 (บัญชียาจากสมุนไพร) กระทรวงสาธารณสุข ในรูปแบบยาเดี่ยว

และสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร ที่นำมารักษาอาการโควิด-19 ได้ ล่าสุดประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ให้ “ฟ้าทะลายโจร” สามารถบรรเทาอาการของโรคหวัด และใช้ เพื่อรักษาโรคโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อยได้

 

โดยระบุในส่วนของยาสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร และผงฟ้าทะลายโจร รูปแบบยาแคปซูล (Capsule) ยาเม็ด (Tablet) ให้รับประทานในขนาดยาที่มีปริมาณสารสำคัญ คือ แอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 3 ครั้ง

 

แต่สำหรับผู้ป่วยที่เข้าไม่ถึง “ฟ้าทะลายโจร” แบบแคปซูล หรือแบบเม็ด ด้วยสถานการณ์ที่มีความต้องการสูง ตอนนี้ราคาพุ่งกระฉูดไปหลายเท่า แบรนด์หลักเจ้าตลาดอย่าง “เจ้าพระยาอภัยภูเบศร” หากซื้อจาก รพ.โดยตรง ราคา 80 บาทต่อกระปุกบรรจุ 60 แคปซูล แต่ตอนนี้ผลิตไม่ทัน เพราะมีประชาชนจำนวนมากต้องการนำไปรักษาโควิด-19 ก็มีปรากฏการณ์แย่งกันสั่งซื้อทางออนไลน์ จนต้องประกาศ “SOLD OUT” ติดต่อกัน บางรายก็ใช้วิธีดั้นด้นไปต่อคิวรอซื้อหน้า รพ.ตั้งแต่เช้ามืดอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว ต้องจำกัดซื้อคนละไม่เกิน 3 กระปุก เกิดกรณีพ่อค้าหัวใสเก็งกำไร ทำให้ราคาพุ่งไปถึงกระปุกละ 220 บาท ส่วนแบรนด์อื่นๆ ราคาก็กระโดดไปหลายเท่าตัวด้วย

 

 

ปลูกฟ้าทะลายโจรพึ่งพาตนเอง

ทางรอดของคนที่มีรายได้น้อย และมีอาการป่วยแล้ว จะเป็นโควิด-19 หรือแค่เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ แนะนำให้พึ่งพาตนเองด้วยการปลูกต้นฟ้าทะลายโจรไว้กินเองที่บ้าน แบบกินใบสดๆ กันเลย ซึ่งหลายสำนักการันตีว่ารักษาอาการได้ดีเช่นเดียวกับการนำไปสกัด

 

เราเลยมีคำแนะนำในการปลูกฟ้าทะลายโจรไว้ที่บ้าน จากสำนักส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่าสามารถปลูกแบบหว่านเมล็ด หรือเพาะกล้าก็ได้ ใช้เวลาปลูกประมาณ 115-150 วัน เพราะช่วงนั้นฟ้าทะลายโจรจะออกดอก ซึ่งจะมีสารสำคัญออกมาสูง โดยพบมากที่ส่วนยอด และใบ

 

วิธีการเก็บเกี่ยว

ให้ตัดทั้งต้นให้เหลือตอ สูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อให้เจริญให้ผลผลิตต่อไป ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงสามารถเก็บเกี่ยวได้อีกครั้ง

 

หลังการเก็บเกี่ยว

นำไปคัดแยกสิ่งปนปลอม เช่นวัชพืชที่ปะปนมา และล้างให้สะอาด ตัดเป็นท่อนๆ ยาว ประมาณ 3-5 เซนติเมตร ผึ่งให้แห้ง โดยตากแดดบนลานตากยกพื้นมีวัสดุรองรับที่สะอาด หรือใช้เครื่องอบแห้งแบบ ลมร้อน ที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสใน 8 ชั่วโมงแรก และลดอุณหภูมิเหลือ 40-45 องศาเซลเซียส อบต่อจนแห้งสนิท แล้วนำไปบดเป็นยา สำหรับการนำฟ้าทะลายโจรมารักษาอาการไข้ ไอ เจ็บคอนั้น แนะนำให้ใช้กิ่งและใบ

 

 

กินใบสดหรือนำมาปั่น

ในการกินใบสดนั้น ตามคำแนะนำของกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกให้กิน วันละ 21 กรัม หรือ 7 กรัมต่อครั้ง ก่อนอาหารเช้า กลางวัน เย็น อีกสูตรหนึ่งเป็นคำแนะนำจากมูลนิธิสุขภาพไทย ซึ่งส่งเสริมการใช้สมุนไพรมานานกว่า 30 ปี แนะนำให้กินในปริมาณน้อยกว่าก็ได้ โดยยืนยันว่า จะให้ผลไม่แตกต่างกัน หรือ อยู่ที่ 10-14 กรัมต่อวัน หรือ 2.5-3.5 กรัมต่อครั้ง หากบางคนทนรสขมของฟ้าทะลายโจรไม่ได้ แนะนำให้นำมาตากและปั่น แล้วก็ใส่แคปซูล กินง่ายขึ้น แต่แบบนี้จะไม่สามารถเก็บไว้ได้นานเหมือนแคปซูลที่ผ่านกระบวนการเชิงอุตสาหกรรม

 

Animated GIF - Find & Share on GIPHY

 

ทั้งนี้การกินใบสดโดยไม่ผ่านกระบวนการสกัดทำได้เช่นกัน โดยมูลนิธิสุขภาพไทย ระบุว่ากลไกการรักษาของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนั้น เกิดจากสารออกฤทธิ์หลายๆ ชนิดที่ทำงานเสริมแรงกัน ไม่ใช่สารเดี่ยว หรือสารแอนโดรกราโฟโลด์ (Andrographolide) เท่านั้น เพราะในฟ้าทะลายโจร มีสารสําคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาสมุนไพรอีก 2 สาร คือ สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (NeoAndrographolide) และสาร 14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)

 

อย่าลืมว่า “ฟ้าทะลายโจร” ยังไม่มีข้อพิสูจน์เรื่องการกินเชิงป้องกัน ต้องมีอาการก่อนถึงกินได้ และต้องไม่กินนานเกิน 5 วันตามคำแนะนำของแพทย์หลายๆ สำนัก เพราะมีผลข้างเคียงอย่างที่กล่าวไว้

โดยมีข้อห้ามและข้อควรระวังจาก รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร มาบอกกันดังต่อไปนี้

 

ข้อห้ามใช้

  • ในกลุ่มที่แพ้ฟ้าทะลายโจร
  • ในกลุ่มหญิงมีครรภ์และคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • แก้อาการเจ็บคอเนื่องจากการติดเชื้อ Stretococcus group A
  • ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นไตอักเสบ เนื่องจากการติดเชื้อ Stretococcus group A
  • ในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติก
  • ในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรีย และมีอาการรุนแรง เช่น ตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง และหนาวสั่น

ข้อควรระวัง

  • หากใช้ติดต่อกันนานเกินไป อาจมีอาการชาตามร่างกาย และอาจมีอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ลมพิษ
  • หากใช้ติดต่อกัน 2 วันแล้วไม่หาย หรือมีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ยา ควรหยุดและปรึกษาแพทย์
  • ใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
  • ใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C9 และCYP3A4

 

kinyupen