โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก และกินเวลายาวนาน อาจไม่จบเบ็ดเสร็จภายในปีนี้ การแสวงหาทางเลือกในการรักษา จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเมืองสมุนไพรอย่างประเทศไทย มองไปรอบตัวพืชพรรณล้วนเป็น “ยา”
การผลักดันให้มีการนำ “ฟ้าทะลายโจร” สมุนไพรไทย แต่สรรพคุณระดับโลก มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยมีมานานแล้ว เพราะประโยชน์เป็นที่ประจักษ์ ปัจจุบันก็ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ สรรพคุณหลักคือ “แก้ไข้”
และด้วยคุณประโยชน์ “แก้ไข้” ที่สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 จึงมีการนำ “ฟ้าทะลายโจร” มาใช้ควบคู่กับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ตั้งแต่โควิด-19 ระบาดรอบแรก แต่เพื่อให้มีความมั่นใจเข้าไปอีกในการนำ “ฟ้าทะลายโจร” มาใช้อย่างมีมาตรฐานดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 คู่กับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน มีการวิจัยศึกษาโดยกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ศึกษาการใช้ในผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการกว่า 280 ราย ใน 9 โรงพยาบาลของรัฐ
การศึกษาครั้งนี้ ได้จ่ายยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงน้อย ร่วมกับการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 1–5 ตามลำดับ และไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง ถือว่าน่าพอใจสำหรับวงการแพทย์บ้านเราเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันกรมการแพทย์แผนไทยฯ ยังจับมือกับโรงพยาบาลสมุทรปราการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม ศึกษาวิจัยทางคลินิกเพิ่มเติม ระยะที่ 2 ถึงประสิทธิผล และความปลอดภัยของ “สารสกัดฟ้าทะลายโจร” ขนาดสูง ต่อระยะเวลาการหายจากอาการโรคโควิด-19 เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการร่วมรักษาโรคโควิด-19 มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 42 ราย งานวิจัยชิ้นนี้ยังต้องรอผลต่อไป
โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในฐานะโรงพยาบาลหลัก ที่ทำการวิจัยศึกษา เพื่อนำสมุนไพรของไทยมาใช้อย่างจริงจัง และเป็นผู้บุกเบิก “ฟ้าทะลายโจรแคปซูล” ให้กินง่ายๆ ลดการสัมผัส “ความขม” ของยา จนเป็นที่ยอมรับ ยังเปิดเผยผลวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง ยืนยันประสิทธิภาพของฟ้าทะลายโจร โดยนำสารสกัดฟ้าทะลายโจร ส่งให้คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษากลไกในการต้านโควิด-19
ผลการศึกษาพบว่า สารสกัดฟ้าทะลายโจร โดยเฉพาะ “สารแอนโดรกราโฟไลด์” ซึ่งเป็นสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร ที่มีฤทธิ์ทางยาหลายประการ พบความสามารถในการยับยั้งกระบวนการติดเชื้อไวรัสของเซลล์ปอด ผ่านกลไกที่สำคัญ คือ การยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสโควิดในทุกระยะ
จึงมีโอกาสที่จะพัฒนาการใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นยาเดี่ยว หรือใช้ควบรวมกับสูตรยามาตรฐานในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโควิด และปัจจุบันนี้ผลงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร “Natural Products” แล้ว
มาถึงตอนนี้บอกได้ว่า ทางการแพทย์ต้องการความแม่นยำอีกสเต็ปแบบ 100% เท่านั้น แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด –19 กรมการแพทย์แผนไทยฯ แนะนำเลยหากใครมีอาการคล้ายหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศีรษะ ให้กินยาฟ้าทะลายโจรทันที แต่หากกินยาฟ้าทะลายโจรแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อหาสาเหตุของอาการ
พร้อมย้ำว่าไม่ควรกินยาฟ้าทะลายโจร เพื่อการป้องกันโรคไวรัสโควิด–19 เพราะต้องรอผลการวิจัยอย่างจริงจังเสียก่อน แต่ย้ำว่าอย่างน้อยก็ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง ลดภาระของระบบบริการสุขภาพได้
ประเด็นการกิน “ฟ้าทะลายโจร” เพื่อให้มีผลเชิงป้องกันนั้น ข้อมูลของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่ออกมาเร็วๆ นี้ ให้รายละเอียดว่า การใช้ “ฟ้าทะลายโจร” ขนาดต่ำ ๆ หรือแอนโดรกราโฟไลด์ 11.2 มิลลิกรัมต่อวัน โดยกิน 5 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 3 เดือน ช่วยป้องกันหวัดได้ ซึ่งน่าจะเกิดจากฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันเป็นหลัก
ทั้งนี้มีข้อพึงระวังอย่างยิ่งจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ว่า กรณีใช้เชิงป้องกัน ต้องกินฟ้าทะลายโจรขนาดต่ำ ๆ และต้องไม่เป็นผู้กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เป็นคนที่มีค่าตับและไตดี และต้องไม่ได้กินยาละลายลิ่มเลือดที่ชื่อ “วาร์ฟาริน” อย่าลืมว่า การกินยาทุกชนิดนานๆ มีเอฟเฟคทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบัน หรือ “สมุนไพร”
สำหรับปริมาณการกินที่เหมาะสมต้องกินเท่าไหร่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แนะนำว่า เพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บคอ และบรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ขนาดที่แนะนำ 1500-3000 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งหลังอาหารและก่อนนอน หรือใช้สารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ก็ได้ ประมาณ 60-120 มิลลิกรัมต่อวันบรรเทาอาการเจ็บคอและหวัด
การนำฟ้าทะลายโจรมาสกัดให้ได้ปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์สูงๆ ปลูกแบบบ้านๆ ก็ทำได้เหมือนกันไม่จำเป็นต้องเป็นขนาดอุตสาหกรรม ข้อมูลจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ระบุว่า โดยทั่วไปในภาคอุตสาหกรรม สกัด “แอนโดรกราโฟไลด์” ได้อยู่ที่ 6% ในขณะที่ปลูกแบบบ้านๆ นำส่วนเหนือดินมาใช้ เช่น ใบ ก็ได้แอนโดกราโฟไลด์สูงถึง 3-4% ดังนั้นประชาชนทั่วไปสามารถปลูกฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรแก้หวัดไว้ที่บ้านได้ ให้สรรพคุณไม่แพ้กัน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก
ตอนนี้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็ส่งเสริมให้ ประชาชนทั่วไป ได้ปลูก เก็บเกี่ยว บด บริโภค ในระดับครัวเรือน เพื่อการดูแลรักษาตนเอง เข้าทำนอง “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ฟ้าทะลายโจร หรือสมุนไพรอื่นๆ สามารถสอบถามรายละเอียดเพื่อเติมได้ที่ศูนย์หลักฐานเชิงประจักษ์ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในวันและเวลาราชการที่เบอร์ 037-211-289 หรือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ที่สายด่วนฟ้าทะลายโจร โทร. 065 504 5678 หรือ ช่องทาง www.facebook.com/dtam.moph และ Line @DTAM
อย่างไรก็ดีมีข้อมูลที่ประชาชนยังสงสัยอีกประการ ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ออกมาเคลียร์ว่า สาร 14-deoxy-11 ,12-didehydroandrographolide (AP 3) ที่พบในผงฟ้าทะลายโจร อาจทำให้ความดันโลหิตลดลง แขนขาอ่อนแรงนั้น
โรงพยาบาลย้ำว่า ฟ้าทลายโจรในรูปแบบผงอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีการใช้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล และมีความปลอดภัยดี
แม้จะมีตัวช่วยอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” เข้ามาแล้ว แต่อย่าลืมมาตรการ D-M-H-T-T หรือ Distancing รักษาระยะห่าง ,Mask wearing ใส่หน้ากากอนามัย ,Hand wash ล้างมือบ่อยๆ ,Testing ตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย รวมถึงการรับประทานอาหาร เน้นเครื่องเทศ ผัก ผลไม้ พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย และสัมผัสแดดในช่วงเช้าหรือเย็น ใช้หลายๆ เครื่องมือช่วยเซฟตัวเองให้สุดๆ ให้เราเป็นผู้รอดจากสงครามโควิด-19