จากกรณีของหนุ่มน้อยชาวอเมริกัน นามแฮร์ริ่งตัน ที่ได้สร้างไวรัลบนอินสตราแกรมแบบที่เรียกว่าอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ได้กลายเป็นกระแสชั่วข้ามคืน และที่สำคัญมันเกี่ยวเนื่องมาถึงเมืองไทย เนื่องจากหนุ่มน้อยผู้นี้ได้โพสต์คลิปตัวเองบนอินสตราแกรม ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า reed_harrington23 พร้อมท้าทายคนติดตามว่า ถ้าคอมเมนต์อันไหนจากผู้ที่ติดตาม มียอดฟอลโลว์ถึง 2 แสน เขาจะยอมทำตาม ไม่นานมีผู้ติดตามท่านหนึ่งที่ใช้บัญชี fiven9nekid เสนอว่า “ให้เดินทางมาเรียนมวยไทยในเมืองไทย เรียนภาษาไทย ลงแข่งทัวร์นาเมนท์ต่างๆให้ชนะ แล้วกลับอเมริกา ไปลงแข่ง UFC ฯลฯ” ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอินสตราแกรมก็เกิดขึ้น เพราะคอมเมนต์นี้ได้รับการกดไลค์ถล่มทลายถึง 2.5 ล้านไลค์
สิ่งนี้นอกจากจะแสดงพลังของการสื่อสารข้ามโลกแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงพลังของวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการยอมรับเป็นที่เรียบร้อยแล้วในระดับสากล นั่นคือ มวยไทย หรือ ซอฟท์พาวเวอร์ไทยที่ไร้เทียมทาน
ข้ามฝั่งมายังฟากตะวันออก ในขณะที่กระแสเชียร์ให้หนุ่มน้อยชาวอเมริกันมาเรียนมวยไทยในเมืองไทยกระหึ่ม ทางฟากโซเชียลดังของจีนอย่าง weibo ก็มีกระแสที่ส่งกำลังมาแรงไม่แพ้กัน เนื่องจากมีสาวจีนนาม ลี เจินเซียง ที่หลงใหลมวยไทยเป็นที่สุด กำลังเดินหน้ามุ่งสานความฝันบนเส้นทางกว่า 4,000 กม. กับการปั่นจักรยานจากเมืองเสฉวน ประเทศจีน สู่จังหวัดเชียงใหม่ ชองประเทศไทย เพื่อมาเรียนมวยไทย และจะขอขึ้นชกบนสังเวียนมวยไทยสักครั้งในชีวิต
กระแสความรัก และการเดินตามความฝัน ทั้งจากหนุ่มน้อยแฮร์ริงตัน และสาวน้อย ลี เจินเซียง เรียกได้ว่าเป็นกระแสไวรัลที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ – – เป็นการเกิดขึ้นเพราะเสน่ห์ ความสง่างาม ดุดัน ของมวยไทย อันเป็นการผสมผสานของศาสตร์และศิลป์ของศิลปะป้องกันตัวอันเป็นภูมิปัญญาไทยแต่โบราณ
สองปรากฎการณ์นี้บอกอะไร … กับการที่ มวยไทย ได้กลายเป็นกระแสที่เกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆ กัน ทั้งจากฟากตะวันตก และตะวันออก
คำตอบที่ชัดเจนคือ “มวยไทย” ได้กลายเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของไทยขนานแท้ ที่อยู่ในใจคนทั่วโลกไปแล้วเรียบร้อย
แน่นอน คนไทยที่ได้ยินได้ฟังเรื่องเหล่านี้ย่อมภาคภูมิใจกับวัฒนธรรมของไทย หวงแหน และการตอกย้ำคุณค่าของวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างเอาไว้
และสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ เราจะต่อยอดคุณค่าในพลังแห่งวัฒนธรรมจากมวยไทยที่อยู่ในใจคนทั่วโลกแล้วได้อย่างไร
การตอบรับจากบัวขาว บัญชาเมฆ นักชกขวัญใจชาวไทยและชาวโลก ในนามของ บัญชาเมฆ ยิม ที่ประกาศพร้อมดูแล และให้ความรู้ด้านมวยไทยให้กับหนุ่มน้อย และสาวน้อย หากทั้งสองมาถึงเมืองไทย แถมหยอดว่าจะได้ทดลองเกี่ยวข้าวหากมาทันในปลายปีนี้
การตอบรับจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการต้อนรับขับสู้นักล่าฝันทั้งสอง หากมาถึงเมืองไทย เป็นทั้งการแสดงน้ำใจไมตรีแบบไทยที่อบอุ่น รวมถึงเป็นการสานต่อ และต่อยอดเสน่ห์ของพลังแห่งวัฒนธรรมไทยได้ในทุกมิติ โดยผ่านเรื่องราวความฝันของสองหนุ่มสาวสู่การรับรู้ในระดับสากล
“มวยไทย” วันนี้ คือพลังแฝงที่แข็งแกร่งในวัฒนธรรมที่เรียกได้ว่า เป็นพลังยืนหนึ่งบนเวทีโลกที่ไม่มีใครจะปฏิเสธได้ และแน่นอนว่า การทำงานที่เข้มข้น และเข้มแข็งของภาครัฐ และภาคเอกชน กับเป้าหมายที่จะสร้างพลังให้ 5F ไทย คือ food, Film ,Fashion ,Fighting, Festival มายืนหนึ่งในเวทีโลก ไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะฉะนั้นวันนี้ มวยไทย เปรียบเหมือน ต้นกล้าที่แทงยอดอ่อนขึ้นมาแล้ว การฟูมฟักยอดอ่อนนี้ให้เติบใหญ่ และกล้าแข็ง เป็นลำต้นที่แข็งแรงได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน