ใครๆก็เคยฝันร้ายมาก่อน แต่คุณรู้ไหมคะว่าการฝันร้ายในมุมวิทยาศาสตร์ก็มีสาเหตุเหมือนกัน กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต มีสาระดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญมาฝากค่ะ
ฝึกจิตแก้ฝันร้าย
เชื่อว่าไม่มีใครอยากฝันร้าย แต่บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ฝังใจหรือความเครียดในชีวิตประจำวันที่เป็นสาเหตุของฝันร้ายไม่ได้ ดังนั้นควรมีวิธีการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เพื่อป้องกันฝันร้ายทำลายสุขภาพสิ่งสำคัญคือควรเข้าใจว่า ความฝันคือความฝัน แม้การรับรู้ของเราในโลกความฝันจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่นั่นเป็นแค่กระบวนการหนึ่งเท่านั้น เปรียบเหมือนกับว่า เราดูหนังหนึ่งเรื่อง พอหนังจบก็จบเรื่องไป ไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตเรา แม้ว่าเราจะรู้สึกเสียใจ ตื่นเต้น ตกใจ เศร้าใจไปกับหนัง แต่หลังจากนั้นก็ควรกลับมาใช้ชีวิตปกติ หนังเรื่องนั้นก็จะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายในระยะต่อมา เช่นเดียวกับการลืมฝันร้ายนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำอื่น ๆ เช่น
หนึ่ง ไม่ควรรับอารมณ์ต่าง ๆ มากระทบใจในช่วงตั้งแต่หลัง 18.00 – 20.00 น. ซึ่งจะกลายเป็นความฝันได้ง่ายกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ และควรทำจิตใจให้ผ่อนคลายก่อนนอนด้วยการสวดมนต์ การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม
สอง หากฝันร้ายจนตื่น อาจเกิดเพราะมีความไม่สบายกาย เช่น ท้องอืด ซึ่งเป็นผลมาจากการดื่มน้ำอัดลม เหล้า ควรหายาลดลมในกระเพาะ หรือดื่มน้ำขิงอุ่น ๆ สักแก้วจะทำให้ลดอาการไม่สบายเนื้อตัวจากฝันร้ายได้
ที่มา : Delight Magazine โดยนายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ (หมอแอมป์)
