ใครจะไปรู้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกอาจไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในหนังหรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อีกต่อไป แต่มันอาจจะเกิดขึ้นได้จริงๆในอนาคตไม่เกิน 80 ปี
ก่อนหน้านี้ถ้าใครได้อ่านข่าว “ฝนตกบนยอดภูเขาน้ำแข็งกรีนแลนด์” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่ฝนตกบนยอดเขาของน้ำแข็งกรีนแลนด์ ทำเอานักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ต่างช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้สรุปว่า “มนุษย์ทำให้โลกร้อนขึ้นและก่อให้เกิดผลกระทบทำให้น้ำแข็งละลายและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น” เราเองก็ได้แต่ยิ้มอ่อนและยอมรับความจริง วันนี้กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต จะขอพาผู้ท่านที่รักทุกท่านมาติดตามเรื่องนี้แบบใกล้ชิดกันค่ะ
หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่า “น้ำแข็งซอมบี้” ถ้าพูดถึงซอมบี้ก็คงนึกถึงปีศาจที่ติดเชื้อไวรัสดีๆนี่เอง แต่ขออธิบายง่ายๆ ละกัน น้ำแข็งซอมบี้คือ แผ่นน้ำแข็งที่ยังคงติดอยู่กับบริเวณที่หนากว่าของน้ำแข็งแผ่นใหญ่ที่ปกคลุมภายนอก ซึ่งแยกจากธารธารน้ำแข็งหลัก อยู่ส่วนในสุด ก่อนหน้านี้ก็มีหิมะมาเติมเต็มอยู่เรื่อยๆ แต่ช่วงหลังที่โลกเริ่มร้อนขึ้นก็มีหิมะตกมาน้อยลง ทำให้ผิวชั้นน้ำแข็งซอมบี้เริ่มปรากฏ จากที่เคยเป็นแหล่งเก็บสะสมทุกอย่าง ฟลีซแช่แข็ง สตัฟเอาไว้ในความเย็นยะเยือก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค แบคทีเรีย จุลชีพ หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ที่พวกเราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน และเร็วๆนี้ก็คงอาจได้เห็นกันแน่นอน
และเมื่อเร็วๆนี้ น้ำแข็งซอมบี้ ได้กลับมาสู่ความสนใจของนักวิจัยและนักวิทย์ฯอีกครั้ง เพราะนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานกับน้ำแข็งซอมบี้ในกรีนแลนด์ ออกมาเปิดเผยว่า แผ่นน้ำแข็งที่ละลายลงอย่างรวดเร็วในกรีนแลนด์ จะทำให้ระดับน้ำทะเลของโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อย 10.6 นิ้ว หรือราว 27 เซนติเมตร ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ถึง 2 เท่า ประกอบกับทวีปยุโรปเผชิญกับคลื่นความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิพุ่งแตะระดับ 40 องศาเซลเซียส เลยทำให้น้ำแข็งซอมบี้ มันค่อยๆ หลอมละลายกลายเป็นส่วนหนึ่งของน้ำทะเลต่อไป
อย่างที่บอกไปข้างต้น มนุษย์ ไม่ได้ทำให้แค่โลกร้อน แต่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างโกลาหล เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เอ๊ะ!! หรือในอนาคต พวกเราอาจต้องใช้ชีวิตกันเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง Noah ‘โนอาห์ มหาวิบัติวันล้างโลก’ กันหรือเปล่า อันนี้อาจจะมีความเป็นไปได้สูงมากกกกก
