หลายครั้งที่การค้าขายในต่างประเทศกำลังไปได้สวย ประเทศไทยเรากลับซบเซาสวนทางกัน ผู้ประกอบการที่มัวรอตลาดไทยอย่างเดียว หากเกิดเศรษฐกิจทรุดขึ้นมาจะลำบาก ดังนั้นการกระจายความเสี่ยงถือเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ประกอบการควรพิจารณาการขยายช่องทางการขายไปต่างประเทศด้วยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ใครที่ใฝ่ฝันขายสินค้าส่งนอกมาทางนี้ เพราะกินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตจะชวนคุณท้าทายการขายแบบใหม่ด้วยการตีตลาดต่างประเทศ แม้เป็นธุรกิจขนาดเล็กก็นำไปปรับใช้ได้
1. เลือกสินค้าเจาะตลาดให้ดี
สินค้า ส่งออก ไปต่างประเทศต้องมีจุดเด่น แต่ไม่ใช่ว่าสินค้าที่โดดเด่นไม่เหมือนใครจะทำให้เราขายดี เพราะหากของสิ่งนั้นไม่เป็นที่รู้จัก ไม่ตรงกับ Pain Point และการโปรโมทยังไม่ปัง ก็ยากที่ลูกค้าต่างประเทศจะเสิร์ชเราเจอ
ข้อควรคำนึงคือบางสินค้าเป็นที่นิยมในประเทศ แต่กลับขายไม่ดีเมื่ออยู่ต่างประเทศ ต้องทำความเข้าใจลูกค้า ศึกษาตลาดต่างประเทศและทำความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ดี
อีกวิธีน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือการใช้ Google Trend ตามหาลูกค้า โดยไม่รอให้ลูกค้ามาหาเอง เช่น ถ้าเราขายทุเรียน ก็ค้นหาคำว่า “Durian” แล้วดูว่าประเทศไหนค้นหาทุเรียนมากที่สุด เราก็เจาะตลาดประเทศนั้นไปเลย
2. ถ้าสู้ของถูกไม่ได้ ให้สู้ด้วยของดี
แม้การส่งออกในตลาดของถูกเราจะสู้จีนไม่ได้ เราไม่ได้เป็นผู้นำในตลาดของถูกอีกต่อไป แต่เราสามารถยืนอยู่ในตลาดของดีได้ ให้เลือกขายสินค้าคุณภาพดี นึกถึงคนซื้อเข้าไว้ เพื่อครองใจลูกค้าให้เป็นเจ้าประจำ โดยเฉพาะหากสินค้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือดีต่อสุขภาพ จะยิ่งเสริมภาพลักษณ์ให้มุมแง่บวกของร้านได้ดี
แต่สำหรับการเริ่มต้น ยังไม่ได้รับการรีวิว วิธีขอใบรับรองคุณภาพในข้อ 3 ก็สามารถเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าของเราดีจริง
3. ทำให้ร้านค้า และตัวสินค้าน่าเชื่อถือ
เตรียมเอกสารให้พร้อม คุณอาจต้องยอมทดสอบ เข้ารับการตรวจสอบขั้นตอนการผลิตหรืออะไรต่างๆ มากมาย เพื่อให้ได้รับใบการันตีว่าสินค้ามีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย ได้มาตรฐานระดับประเทศจริงๆ เริ่มตั้งแต่
- ขอใบรับรองมาตรฐานสินค้า เช่น หากเป็นสินค้าเกษตร ควรขอใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ซึ่งนอกจากใบรับรองจะเป็นตัวชูโรงว่าสินค้าปลอดภัย มีคุณภาพแล้ว สินค้าของเราก็จะอยู่ในฐานข้อมูล ทำให้ลูกค้าสามารถค้นหาเราเจอได้ง่ายขึ้น
- จดทะเบียนตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เช่น ผลไม้ ดอกไม้ ต้องจดทะเบียนสวนผลไม้ที่กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- จดทะเบียนพาณิชย์เป็นนิติบุคคล เพื่อให้องค์กรมีความน่าเชื่อถือ
4. โปรโมทสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต
เข้าถึงลูกค้ามากที่สุดด้วยโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มขายของต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Amazon, E-bay สำหรับสินค้าปลีก หรือ Alibaba สำหรับสินค้าขายส่งที่เหมาะกับธุรกิจขนาดใหญ่
อย่าลืมศึกษาว่าในต่างประเทศเขานิยมใช้แฟลตฟอร์มไหนที่สุด แล้วเน้นโปรโมทสินค้าช่องทางนั้นให้ดี
5. เข้าฝึกอบรมผู้ประกอบการเพิ่มความรู้ ลดความเสี่ยง
ร่วมฝึกอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการให้การค้าขายน่าอุ่นใจยิ่งขึ้น ซึ่งทาง EXIM BANK (ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย) จะจัดอบรมทุกปี เป็นการอบรมทุกประเด็นเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศสำหรับผู้ประกอบการที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการส่งออก เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs
เช่น ความเสี่ยงเบื้องต้นทางการค้าระหว่างประเทศ ความเสี่ยงในการจัดทำเอกสารส่งออก วิธีวิเคราะห์คู่ค้าและประเทศคู่ค้า และ Workshop ที่จะช่วยให้ผู้เข้าอบรมสามารถวิเคราะห์และพิจารณาคู่ค้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบธุรกิจ
อ่านบทความ เส้นทางเกษตรกร “จอน” สู่นักธุรกิจส่งออกสมุนไพรไทย – kinyupen
นอกจากนี้เรายังสามารถปรึกษาโทรและขอคำแนะนำเรื่องการส่งออกกับ EXIM BANK ได้ เพราะหน้าที่หลักของ EXIM BANK คือสนับสนุนการส่งออกไทย เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยแข็งแกร่ง และยั่งยืน นอกจากนี้ฐานข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกยังแน่น มีเครือข่ายทางธุรกิจพร้อม สามารถเชื่อมโยงพาร์ทเนอร์ให้ร้านค้า หรือหา Shipping ที่ไว้ใจได้ให้เราได้ทันที
ติดต่อขอคำปรึกษากับ EXIM BANK ที่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ส่วนบริหารเครือข่ายและที่ปรึกษาผู้ประกอบการ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการค้า
0 2271 3700 ต่อ 3511-13 ในเวลาทำการ 9:00 – 17:00 น.
