สงกรานต์ปีนี้ สำหรับสายมู ที่ไม่เดินทางออกต่างจังหวัด เราขอเสนอทริปไหว้พระตามหาอดีต เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัว โดยเน้นกราบพระพุทธรูปทองคำโบราณ ที่ขึ้นทำเนียบพระคู่บ้านคู่เมือง ที่สันนิษฐานว่าถูกสร้างโดยผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่
ถ้าไม่เป็นขุนนางชั้นสูง ก็ต้องเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ หรือพระมหากษัตริย์ เพราะทองคำที่นำมาหล่อพระแต่ละองค์นั้นยากที่ชาวบ้านจะมีกำลังทรัพย์ในการสร้าง
พระทองคำโบราณ ที่กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ชวนไปกราบเอาฤกษ์เอาชัย จะเน้นพระปางสมาธิเพื่อต้อนรับการย้ายราศีของดาวพฤหัสในเดือนเมษายน และโอกาสพิเศษขึ้นปีใหม่ไทย และเน้นเฉพาะที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง
ในกรุงเทพฯ มีพระทองคำอยู่หลายองค์ด้วยกัน ซึ่งที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักแพร่หลายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศคือ
1. พระทอง วัดไตรมิตร
ซึ่งที่มามีหลากหลายข้อสันนิษฐาน บ้างก็ว่าถูกสร้างสมัยสุโขทัยและอัญเชิญมาในรัชกาลที่ 1 โดยกรมพระราชวังบวรสุรสิงหนาท บ้างก็ว่าสมัยรัชกาลที่ 3 พระยาไกรโกษา (บุญมา) กรมพระคลัง วังหน้า ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อัญเชิญมาจากเมืองเหนือ รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าพระพุทธรูปทองคำองค์นี้น่าจะหล่อขึ้นในสมัยเดียวกันกับการสร้างวัดพระยาไกร
ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อพระยาไกรโกษาสร้างวัดพระยาไกรจําเป็นจะต้องสร้างพระประธาน และด้วยตำแหน่งระดับเสนาบดีเข้ารับราชการตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี รวมถึงมีฐานะดีเพราะค้าขายร่วมกับพี่น้องที่มาจากเมืองจีนจึงเป็นไปได้ที่พระยาไกรโกษาจะสร้างพระพุทธรูปทองคํา
มีข้อสันนิษฐานของนักประวัติศาสตร์สนับสนุนเพิ่มเติมว่า การที่พระองค์นี้ถอดได้ 9 ชิ้น และประสานต่อเป็นเนื้อเดียวกันด้วยสลักกลมีกุญแจเพื่อถอดออกและประกอบใหม่ได้ อาจเพราะหากเกิดศึกสงครามเหมือนคราวกรุงศรีฯ แตก ก็สามารถถอดและขนย้ายได้ส่วนการไล้ปูนทั่วองค์พระพุทธรูปนั้น ก็เป็นไปได้ว่าเพื่อเป็นกลอุบายหากขนย้ายไม่ทัน
หากอีกนัยหนึ่งก็ป้องกันการนินทา เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดสร้างพระพุทธรูปทองคําขนาดใหญ่แบบนี้ โดยพระทองวัดไตรมิตร เป็นศิลปะสุโขทัย ทองเนื้อเจ็ดสองขา น้ำหนักกว่า 5 ตัน
ส่วนรายละเอียดว่าทำไมเริ่มต้นวัดพระยาไกร แล้วมาอยู่วัดไตรมิตร นั้นสามารถดูรายละเอียดได้ที่นิทรรศการภายในพระมหามณฑป วัดไตรมิตรฯ ข่าวพระพุทธรูปทองคำ ที่ถูกค้นพบที่วัดไตรมิตร ปี 2498 กล่าวได้ว่าเป็นแรงจูงใจให้หลายวัดสนใจพระพุทธรูป เนื้อปูนปั้นในวัด
2. หลวงพ่อสุข วัดหงส์รัตนาราม
ในปี 2499 เมื่อเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ปากคลองบางกอกใหญ่ ฝั่งธนบุรี ทำความสะอาดพระประธาน องค์เก่า หน้าตักกว้าง 1 เมตรเศษ ในวิหารร้างเจอร่องรอยปูนกะเทาะเห็นเนื้อในเป็นทองสีสุก กะเทาะปูนที่พอกออก ก็พบจารึกอักษรโบราณ มีข้อความว่า สร้างเมื่อ พ.ศ. 1963 สันนิษฐานว่า พระเจ้าตากสินอัญเชิญมาจากเมืองเหนือ
พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชื่อว่า พระพุทธรูปทองโบราณสมเป็นพระเนื้อทองคำ ศิลปะสุโขทัย ยุคสมัยไล่เลี่ยกับหลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตร ฝั่งกรุงเทพฯหนังสือในงานสมโภชพระพุทธรูปทองโบราณ มีบันทึกว่า พระพิมลธรรม สังฆมนตรีองค์การปกครอง ได้มานมัสการ ท่านแนะว่า ในโบสถ์มีพระแสน เมืองเชียงแตง ที่ได้จากลาว เรียกหลวงพ่อแสนก็ควรให้ชื่อกลมกลืนไปด้วยกัน ว่า “หลวงพ่อสุข” ปัจจุบันประดิษฐานที่ ศาลาตรีมุข
3. พระร่วง วัดมหรรณพาราม
พระพุทธรูปทองคำ หน้าตักกว้าง 1 วา 1 ศอกเศษ ในพระวิหาร เนื้อในเป็นทองคำ 60% ไม่เพียงงดงามตามแบบพระสมัยสุโขทัย ยังมีรอยต่อ 9 ชิ้นเหมือนองค์วัดไตรมิตรเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ไม่รู้ปีที่สร้าง อัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
เดิมทีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอุดมรัตนรังสี (พระองค์เจ้าอรรณพ) พระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 มีพระประสงค์จะประดิษฐานไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถ ก่อนที่พระราชบิดาจะเสด็จสวรรคต แต่ก็ไม่ทันกาล จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธาน ภายในพระวิหารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นแทน
4. พระทองคำ วัดเทพนารี
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย อายุอย่างน้อย 700 ปีขึ้นไป ขนาดหน้าตักกว้าง59 นิ้วความสูง 79 นิ้ว
เดิมพระพุทธรูปทองคำถูกไล้ปูนทั่วองค์และเพิ่งค้นพบเมื่อปี2556 เมื่อพระและเณรช่วยกันทำความสะอาดพระในวิหาร หลังวิกฤติน้ำท่วม โดยขณะเช็ดถูเห็นรอยปริแตกเมื่อเจาะเปิดปูนด้านหลังนำเนื้อไปพิสูจน์จึงพบว่าเป็นทองคำทั้งองค์ มีเนื้อทองคำสูงถึง 89.84 เปอร์เซ็นต์
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ) “ท่านเมตตาตั้งชื่อว่าพระพุทธ–สิรินธรมหาสุวรรณมุนีเทพนารีศรีกมล เรียกสั้นๆ ว่าหลวงพ่อยิ้ม วัดเทพนารี ตั้งอยู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ 68 เป็นวัดเก่าแก่คู่มากับกรุงรัตนโกสินทร์ว่ากันว่า ชาวมอญสองพี่น้องที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร รัชกาลที่ 1 เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2329
กิเลน ประลองเชิงคอลัมนิสต์ชื่อดังของไทยรัฐ ได้กล่าวถึงข้อมูลเรื่องพระทองพอกปูนว่าหนังสือ มิติลี้ลับ ในพงศาวดาร ของโรม บุนนาค เขียนว่าความจริงยังมีพระเงาะ ถอดรูปอีกหลายองค์
แต่องค์ที่แปลกกว่า ก็คือ พระพุทธรูปโบราณ ศิลปะงดงามตามแบบลาว หน้าตักศอกเศษ ที่มีประวัติว่า ลอยน้ำพร้อมกัน 3 องค์ ขึ้นที่วัดหงส์ (ชื่อเดิมวัดโสธร) ฉะเชิงเทรา หนึ่งองค์
พ.ศ. 2451 รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาส ทรงเห็นองค์จริง…พระราช-นิพนธ์ ว่า “องค์สำคัญที่ว่าเป็นหมอดีนั้น คือองค์ที่อยู่ตรงกลาง ดูรูปตักและเอวบาง เป็นทำนองเดียวกับพระพุทธรูปเทวปฏิมากร”
แสดงว่า พระพุทธรูปโบราณองค์นี้งามมาก ต่อมาเมื่อร่ำลือกันว่า ขี้ธูป ดอกไม้แห้งและน้ำมนต์ เป็นยารักษาฝีดาษหาย…พระในวัดเป็นห่วงว่า หลวงพ่อองค์เล็กนัก จะถูกขโมยไปเสีย จึงนำปูนมาพอก เน้นเฉพาะพระศอให้หนา กันถูกตัดพระเศียร
พระพุทธรูปทองโบราณ จึงแปลงสภาพเป็นพระปูนองค์ใหญ่เทอะทะ หน้าตักกว้างถึง 3 ศอก 5 นิ้ว สมัยนี้ ถามใคร ก็ไม่เคยเห็นว่า องค์ใน รูปร่างอย่างไร งดงามแค่ไหน? วันนี้ ชาวบ้านรู้จักและกราบไหว้กัน ในชื่อ หลวงพ่อโสธร ซึ่งก็คือ องค์ที่ 5
กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตขอเชิญชวนทุกท่านไปกราบสักการะ โดยเลือกที่ใกล้ ที่สะดวก หรือหากมีเวลา หาความเป็นมงคลก็เดินทางไป ทั้ง 4 ที่ หากวางแผนให้ดี ก็คงไม่ใช้เวลาเท่าใดนัก
ขอให้เฮง ขอให้ปัง นับจากนี้ไป