สถานการณ์โควิด-19 ของบ้านเราช่างสวนทางประเทศอื่นๆ เสียจริง ในขณะที่บ้านเขากำลังวิกฤต เราก็กำลังฟื้นตัว ตัดภาพมาตอนนี้บ้านเขาเริ่มฟื้นตัวแล้ว แต่บ้านเรายังมียอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งสูงถึงวันละ 2-3 หมื่นรายอยู่เลย ในขณะที่กรมควบคุมโรคคาดว่าจะพีคสุดกลางเดือนมีนาคม
แล้ววันนี้ (22 กุมภาพันธ์ 2565) ต่างประเทศเขาฟื้นตัวกันถึงไหนแล้วบ้าง ประเทศไทยจะมีแววได้เที่ยว ได้คลายโควิด-19 อย่างเขาได้บ้างไหม? กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตได้รวม 10 ประเทศที่กำลังฟื้นตัวไปได้อย่างสดใสมาฝากให้คนไทยอิจฉาตาร้อนเล่น
เริ่มจากประเทศที่คาดว่าชนะเลิศสุดๆ ในตอนนี้ คือ ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ที่ประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว ว่าไม่ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนและผลตรวจก่อนเดินทางเข้าประเทศแล้ว เตรียมพร้อมยกเลิกมาตรการโควิดทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 นี้
ทางด้าน ‘มาเลเซีย’ พร้อมแล้วกับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
สำหรับ ‘สิงคโปร์’ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลนส์เปิดให้บริการเที่ยวบิน VTL เส้นทางภูเก็ต-สิงคโปร์แล้วจ้า
ข่าวดี! ‘ไต้หวัน’ เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว คาดว่าไตรมาส 3 ของปีนี้เลย
‘นอร์เวย์’ ประกาศแล้ว! ยกเลิกมาตรการสกัดโควิด-19 เกือบหมด ลิสต์มาแล้วดังนี้
- ไม่ต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตร
- สถานบันเทิงเปิดเต็มรูปแบบ
- ไม่ต้องสวมแมสก์ในพื้นที่ปิด
- ผู้ติดเชื้อไม่ต้องกักตัว (แต่แนะนำให้อยู่บ้าน 4 วัน)
ข่าวดีในรอบ 3 ปีของ ‘ญี่ปุ่น’ เตรียมผ่อนปรนให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ โดยจะเริ่มให้ขอวีซ่าใหม่ได้ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นี้
‘อังกฤษ’ เตรียมตัวอยู่ร่วมกับโควิด-19 ประกาศยกเลิกกฎควบคุมโรค รวมทั้ง “ยกเลิก” การกักตัวอยู่ที่บ้าน 5 วัน หากพบว่าติดเชื้อ เริ่มภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นี้
มงลงกับ ‘สวีเดน’ ประกาศโควิดจบแล้ว ยกเลิกตรวจหาเชื้อและมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เกือบทั้งหมด
ด้าน ‘ออสเตรเลีย’ ผ่อนคลายมาตรการไฟเขียว รับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัดซีนครบ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565
และสุดท้ายประเทศ ‘เวียดนาม’ เพื่อนบ้านของเรา พร้อมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วนะ! เริ่ม 15 มีนาคม 2565 นี้
สำหรับประเทศไทย นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าเมื่อพ้นจุดพีคของโควิด-19 ในกลางเดือนมีนาคมไปแล้ว เดือนเมษายนน่าจะซาลงจนกระทั่งเริ่มท่องเที่ยวได้ บ้านเมืองเราจะได้คึกคักสดใสได้อย่างเขาบ้าง แต่ตอนนี้หวังไว้เป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ไปก่อน
ข้อมูลจาก TravelNews (facebook.com)