หลายปีมานี้หลายๆ คนคงได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรง ทั้งสภาพร่างกาย และสภาพจิตใจ
หากใครที่มองโลกในแง่ดี ก็คงพอจะมองเห็นข้อดีจากภาวะเลวร้ายนี้ได้บ้าง แต่ถ้าใครที่รู้สึกว่าไม่สามารถมองเห็นข้อดีจากเหตุการณ์ต่างๆ ได้จริงๆ ชอบคิดมาก คิดเยอะ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตจะมาแนะนำวิธี การมองโลกในแง่ร้ายยังไง ให้ชีวิตคุณดีขึ้น
ถึงแม้จะมีงานวิจัยหลายแห่งบอกว่าผู้ที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี ถึงแม้ว่าจะพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคก็สามารถมองเห็นข้อดีจากสิ่งเหล่านั้นได้ และมักจะไม่ค่อยเจ็บป่วย เพราะไม่ค่อยเครียด สภาพจิตจึงดี ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีตามไปด้วย
แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กล่าวไปข้างต้น หลายคนประสบปัญหาในชีวิตและไม่สามารถมองภาวะโควิด-19 ในแง่ดีได้ จึงเหมาะกับวิธีคิดที่เรียกว่า Defensive Pessimism หรือการมองโลกในแง่ร้ายเชิงป้องกัน เพื่อที่จะให้คุณสามารถเตรียมรับมือในสถานการณ์ต่างๆ ได้โดยไม่เกิดความวิตกกังวล
จากบทสัมภาษณ์ใน The Atlantic ปี 2014 บอกว่า เราสามารถใช้การคิดลบเพื่อเป็นการจัดการความกังวลได้ โดยที่ไม่ทำให้ความกังวลนั้นส่งผลลบต่อชีวิต หากเราคิดลบเพื่อวางแผนไว้ก่อนว่าหากเกิดปัญหาขึ้นแล้ว จะจัดการกับปัญหานั้นอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อจะต้องพรีเซนต์งาน คนคิดลบอาจกังวลไปก่อนล่วงหน้าว่า ถ้าสมมติขึ้นไปพูดแล้วสะดุดล้มจะทำอย่างไรดี หรือถ้าปัดแก้วน้ำหกจะทำยังไง จะตอบคำถามได้ไหม ฯลฯ
แต่จะให้ดีคือกังวลแล้วต้องวางแผนแก้ปัญหาด้วย เช่น หากกลัวว่าจะสะดุดสายไมโครโฟนล้ม ก็อาจเอาเทปมาแปะกันไว้ก่อน หรือหากกลัวจะตอบคำถามไม่ได้ ก็จะต้องศึกษางานให้ละเอียด
เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเราก็จะเปลี่ยนการคิดลบไปเป็นการเตรียมตัวที่ดีขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมีผลงานวิจัยด้านจิตวิทยาที่ศึกษาผู้ที่มีพฤติกรรม Defensive Pessimism หรือ การมองโรคในแง่ร้ายเชิงป้องกัน ว่าเป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จกว่าคนทั่วไป เพราะความคิดแบบประเมินผลลัพธ์ต่ำกว่าความเป็นจริง จึงทำให้เกิดแรงจูงใจ และทำได้ดีกว่าเดิม การคิดกรณีนี้ ยังสามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์อีกด้วย
ถึงแม้ว่าการคิดลบเชิงป้องกันจะมีข้อดี แต่ระวังอย่าให้ตัวเองคิดลบหรือมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเครียดและปัญหาสุขภาพตามมาได้
กินอยู่เป็นขอขอบคุณข้อมูลจาก