“รู้อะไรให้กระจ่างแต่อย่างเดียว ขอให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล” เรามักได้ยินสำนวนนี้จากไลฟ์โค้ชในอดีต ทำเอามนุษย์เป็ดต้องน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ทุกวัน เพราะฉันทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่สุดสักอย่าง
แต่ ณ ตอนนี้ สำนวนนี้มันจะไม่มีวันเป็นจริงอีกต่อไป ทั้งตอนนี้ และในอนาคต เพราะคนเก่งอย่างเดียวไม่ใช่จะอยู่รอด โลกนี้หมุนเร็วมาก ความรู้หลากหลายแขนงต่างผุดขึ้นมาใหม่ เป็นการเรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ทุกศาสตร์ และความรู้นั้นมีความเชื่อมโยงกันหมด
หรือนี่จะเป็นยุคทองของมนุษย์เป็ด?
กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมีคำแนะนำดีๆ ให้มนุษย์เป็ด เพื่อชีวิตที่รุ่งโรจน์เฉิดฉายในยุคใหม่
เวลาเรามีเพียงความรู้เพียงด้านเดียว ย่อมนึกหาทางเลือกในการตัดสินใจได้น้อย มีมุมมองแคบกว่าที่ควรจะเป็นมาก มีทางแก้ปัญหาต่างๆ ได้ด้วยวิธีที่น้อย ในขณะที่ผู้ที่รอบรู้ แม้จะรู้นิดหน่อยแบบเป็ด จะมีความคิดสร้างสรรค์ พลิกแพลงสารพัดวิธีได้ดีกว่า อย่างที่เราเคยกล่าวไปแล้วในบทความประโยชน์ของงานอดิเรก ที่ช่วยให้ทำงานประจำได้ดีขึ้น
รู้จัก MULTIPOTENTIALITE มนุษย์เป็ดผู้ทำได้สารพัด
เมื่อเก่งไม่มากแต่ “ทำได้หลายอย่างจัง” คุณจะได้รับการนิยามว่าเป็น Multipotentialite หรือมนุษย์เป็ด คำนี้มีที่มาจากการนำสารพัดทักษะของเป็ดอย่างเดินบนบกได้แต่ไม่เร็วนัก ว่ายน้ำได้แต่แพ้ปลา บินได้แต่ก็ยังแพ้นกมาเปรียบเทียบ
- เรียนได้ทุกวิชา ทุกแขนง แต่เกรดไม่ได้ดีมาก
- งานอดิเรกเยอะ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
- ในวัยทำงาน เขาโยนงานอะไรมาให้ทำ ก็ทำได้หมด แต่ก็ไม่ได้ชำนาญ
“ทำได้ทุกอย่าง แต่เก่งไม่สุดสักทาง” ทำให้ยุคหนึ่งคนที่ถูกเรียกว่ามนุษย์เป็ดมักน้อยเนื้อต่ำใจเสมอ
ข้อดีของมนุษย์เป็ด
ปัจจุบันค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป ด้วยข้อดีของมนุษย์เป็ดที่ทั้งปรับตัวเก่ง ทำงานได้ครอบคลุม และรักการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ถือเป็นคุณสมบัติที่องค์กรชอบ จึงเกิดเป็นสำนวนใหม่สุดภาคภูมิใจที่ว่า “A jack of all trades is a master of none,
จากมุมของคนที่เป็น Expert แค่ด้านเดียว อาจรู้สึกอิจฉาความเป็นเป็ดมาก เพราะความสามารถในการลื่นไหลไปตามสถานการณ์ได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มีบ่อยที่มนุษย์เป็ดทำงาน 1 ตำแหน่ง แต่มี ‘job description’ ได้เป็นสิบอย่าง
นอกจากความเป็น “เป็ด” จะดีต่อการทำงานแล้ว การรู้กว้างยังเป็นประโยชน์ในการสื่อสาร และพูดคุย รวมถึงมีมนุษยสัมพันธ์ กับคนในสังคมเดียวกัน และต่างสังคมได้ดีกว่าด้วย
ข้อเสียของ ‘มนุษย์เป็ด’
1. ขาดความมั่นใจ
ความทุกข์ของมนุษย์เป็ดคือ พอลองได้ไปคุย หรือเห็นความสำเร็จของเพื่อนรอบตัวที่เก่งและชัดเจนในตัวเองมากๆ พวกเขาจะเริ่มนำมาเปรียบเทียบ กลายเป็นคนขาดความมั่นใจ เพราะไม่รู้จะจัดวางตัวเองไว้ตรงไหน ฉันก็ทำได้นะ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าทำได้ดีเลย
สุดท้ายแล้วก็ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่า อะไรล่ะที่ชอบมากที่สุด ทำได้เก่งหรือเชี่ยวชาญที่สุด
ทางแก้
ในหลายๆ อย่างที่ถนัดสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาประกอบกันได้อย่างไรบ้าง
- ทำตลาดออนไลน์ได้ ดึงลูกค้าได้ ชอบเล่นเกม ชอบไลฟ์สด ทำคลิป เขียนคอนเทนต์ได้ ก็เลยเปิดช่องสตรีมเกม เป็นเกมเมอร์ แล้วทำคลิปลงยูทูป ครบวงจร
- ทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง เพราะสามารถเลือกผ้าเองได้ รู้ช่องทางการตลาด จับคู่สีได้ รู้แฟชั่น ทำกลยุทธ์ด้านมาร์เกตติ้งได้ ขายเองก็ได้
2. รู้สึกกดดัน ในโลกยุคใหม่
ตลาดแรงงาน จะเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะและความสามารถรอบด้านมาทุกปี โดยเฉพาะทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ถ้าช้าเพียงก้าวเดียว เราอาจจะกลายเป็นเป็ดที่ไม่มีน้ำให้ว่ายอีกต่อไป
ทางแก้
ขยันเติมเต็มทักษะที่ขาด
ตลาดแรงงานเริ่มหันมาสนใจผู้สมัครงานที่มีความสามารถที่หลากหลาย หรือที่เราเรียกว่า Multitasking Skill แล้ว ฉะนั้นมนุษย์เป็ดที่รู้ตัวว่าขาดทักษะด้านไหนควรรีบจัดการเติมเต็มให้เร็วที่สุด รีบอัปเกรดความสามารถของตัวเองให้เก่งขึ้น เพื่อรับมือกับการมาของมนุษย์เป็ดยุคใหม่ที่เก่งกว่า
ปรับทัศนคติเปลี่ยนจากคนที่ทำงานไปวัน ๆ ให้กลายเป็นคนที่พร้อมจะเรียนรู้และเก่งขึ้นทุกวัน
เป็น ‘เป็ด’ จะประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า?
บางครั้งโลกไม่ได้ต้องการคนที่สมบูรณ์แบบ.. ถ้านำความไม่สมบูรณ์แบบมาเชื่อมกันทีละนิดละหน่อย ก็ช่วยยกระดับความสามารถไปได้อีกขั้น
“ถ้าเรามีท่าไม้ตายประจำตัว” ย่อมดีกว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือ มนุษย์เป็ด การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น อยู่ที่ตัวคุณรู้จักตัวเอง รู้จุดเด่นจุดแข็งในตัวเอง เอาไปต่อยอดและดึงออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดท้ายนี้แม้ความรอบรู้ไว้ก่อน แม้จะไม่สุดแบบมนุษย์เป็ดจะได้เปรียบในชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรจับฉ่าย ยอมแพ้เร็วเกินไป อยากเทยังไงก็ได้ หรือ Multitasking (ทำหลายสิ่งพร้อมกัน) จนเหมือนคนขาดสมาธิ แต่จงโฟกัส (Focus) ในสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันไว้ด้วย