จู่ๆ คุณก็กลายเป็นคนเกรี้ยวกราด หรือซึมเศร้าไปเฉยๆ เราอาจเคยได้ยินคำว่า “ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า” หรือ ”กินแก้เครียด” ที่มานั้นเพราะอาหารเปลี่ยนอารมณ์ได้ งานวิจัยชี้ชัดว่าอาหารที่เรากินไปในแต่ละวัน มีความเชื่อมโยงกับความรู้สึก ระบบสมอง เพราะสารอาหารที่รับเข้าไป จะเปลี่ยนระดับองค์ประกอบของสารเคมีในสมอง การสื่อประสาทและทำให้เปลี่ยนอารมณ์ได้ในที่สุด
กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตจะมาแนะนำถึงอาหารชนิดไหนที่ควรและไม่ควรกินกันบ้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมองและอารมณ์ของเราเอง
6 อย่างดีต่อใจ
โอเมก้า 3 (Omega 3)
การรักษาอาการวิตกกังวลในทางการแพทย์คือการใช้ยา แต่ก็ใช่ว่ากินยาแล้วจะหายเป็นปกติ สิ่งที่จะช่วยบำบัดได้อย่างแท้จริงคือ “อาหาร”
การขาดสารอาหารอาจส่งผลต่อการทำงานของสมองและการสื่อประสาท กระตุ้นการทำงานของสมองและปรับสมดุลได้ “กรดไขมันโอเมก้า 3” เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่ดีอย่างยิ่งสำหรับการลดอาการวิตกกังวล ป้องกันภาวะเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า ซึ่งพบในปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท และเมล็ดเจีย ถ้าไม่มีเวลาทำอาหารก็ให้รับประทานเป็นน้ำมันปลาก็ได้เช่นกัน หาซื้อง่าย
โปรไบโอติกส์ (Probiotics)
น่าแปลกว่าแหล่งอาหารที่ช่วยให้ใจสงบอีกแหล่งหนึ่งคือ “โปรไบโอติก” จุลินทรีย์ที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย แบคทีเรียในกระเพาะอาหารจำเป็นสำหรับการผลิตสารสื่อประสาท ได้แก่ เซโรโทนิน โดปามีน และกาบา ซึ่งล้วนมีผลต่ออารมณ์ ดังนั้นการคืนความสมดุลในลำไส้ด้วยแบคทีเรียที่ดีและไม่ดี คือการใช้โปรไบโอติกที่จะเป็นประโยชน์ต่อสมอง ช่วยรักษาหรือป้องกันความรู้สึกวิตกกังวล
รับประทานอาหารเสริมโปรไบโอติก หรืออาหารที่ผ่านการหมัก ช่วยกระตุ้นให้แบคทีเรียชนิดดีเติบโตได้อย่างแข็งแรง เช่น โยเกิร์ต และคีเฟอร์ (นมหมัก) หรืออาหารหมักอย่างอื่นที่อยู่ในตู้เย็นก็ได้ อย่าง ผักกาดดอง กิมจิ
สารต้านอนุมูลอิสระ
อาการวิตกกังวลเชื่อมโยงกับสภาวะการขาดสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยรักษาปัญหาทางอารมณ์ การรับประสานอาหารที่ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แครอท มันเทศ ผักโขม และคะน้า ที่มีสารเบตาแคโรทีน วิตามินซี เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว และวิตามินอี เช่น อัลมอนด์ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีดีอีกตัวหนึ่งที่จะมาต่อสู้กับความรู้สึกวิตกกังวลคือ ซีลีเนียม แร่ธาตุที่พบในถั่วบราซิล ปลา เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า ไก่และไข่ ถ้าเพิ่มสังกะสีเข้าไปด้วยยิ่งดีความรู้สึกวิตกกังวลจะลดน้อยลง แหล่งที่พบแร่ธาตุสังกะสีที่ดี คือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์
แมกนีเซียม
อีกหนึ่งสารอาหารที่อาจช่วยลดอาการวิตกกังวล ผ่อนคลาย รักษาปัญหาสุขภาพจิตได้ ทำหน้าที่กั้นเลือดสมองเพื่อป้องกันไม่ให้ฮอร์โมนความเครียดเข้าสู่สมอง หากคุณต้องการผู้พิทักษ์สมอง แนะนำให้กินไข่และผักใบเขียว เช่น ผักโขม สวิสชาร์ด (ผักกาดแดง) สำหรับ พืชตระกูลถั่ว ถั่ว เมล็ดพืช และ อะโวคาโด
น้ำเปล่า
การให้ความชุ่มชื้นกับร่างกายด้วยน้ำสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก วิธีง่ายๆ สงบความวิตกกังวลในขั้นตอนเดียว คือ ดื่มน้ำเปล่า การขาดน้ำเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ ความรู้สึกกระหายน้ำจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าเราจะขาดน้ำหนึ่งหรือสองเปอร์เซ็นต์ เมื่อถึงเวลานั้นภาวะขาดน้ำก็กำลังเกิดขึ้นและเริ่มส่งผลต่อการทำงานของจิตใจและร่างกายของเรา ฝึกนิสัยการดื่มน้ำให้เป็นนิสัย ดื่มน้ำให้บ่อยวันและ 6-8 แก้ว ยิ่งมากก็ยิ่งดี
3 อย่างทำร้ายใจ
คาเฟอีน
หลายคนชอบดื่มกาแฟตอนเช้าเพิ่มพลังการทำงานในวันใหม่ แต่หารู้ไม่ว่าการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ ยิ่งทำให้ความรู้สึกวิตกกังวลแย่ลงไปอีก เนื่องจากร่างกายได้รับสารกระตุ้นระบบประสาท เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและอุณหภูมิของร่างกาย นำไปสู่อาการวิตกกังวล เช่น ประหม่า เหงื่อออก และตัวสั่น ส่งผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรควิตกกังวล อีกยังรบกวนการนอนหลับซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพสมอง
น้ำตาลทรายขาวและอาหารแปรรูป
น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสีทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและลดลงอย่างกะทันหัน สำหรับสุภาพสตรีการรับประทานคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ผ่านการแปรรูป ขัดสีมาก เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงอารมณ์และภาวะซึมเศร้าก็จะสูงขึ้น
การรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารทอดมีผลตอบสนองที่คล้ายๆ กันเป็น เพราะความเชื่อมโยงกับโรคหัวใจและการอักเสบซึ่งเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพจิต ทางออกที่ดีคืองดอาหารที่ผ่านการแปรรูป อยากทานหวานก็เปลี่ยนเป็น น้ำตาลทรายแดง หญ้าหวาน
แอลกอฮอล์
เป็นความเชื่อแบบผิดๆที่ว่า อกหักกินเหล้า เดี๋ยวก็ลืม เพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ทำให้รู้สึกซึมเศร้า ซ้ำร้ายยังทำให้อาการวิตกกังวลแย่ลงไปอีก การดื่มแอลกอฮอล์อาจเป็นวิธีที่ดีในการสงบจิตสงบใจ แต่ในความเป็นจริงมันทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นและช่วยขับปัสสาวะออกมามากขึ้น จนร่างกายเข้าสู่สภาวะขาดน้ำ การทำงานของสมองบกพร่องนำไปสู่ความรู้สึกวิตกกังวล ยิ่งดื่มยิ่งเครียด การใช้แอลกอฮอล์ในทางที่ผิดอาจก่อให้เกิดโรคพิษสุราเรื้อรังได้
อาหารอาจเปลี่ยนความรู้สึกได้ทั้งในทางที่ดี และแย่ ณ จุดนี้เลือกกินของดีๆ เพื่อร่างกายที่สมส่วนอย่างเดียวคงไม่ได้ การกินจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ สละเวลาสักนิดเพื่อความสุขและสุขภาพที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ตามแบบฉบับของกินอยู่เป็น
