ยูนิเซฟ เปิดเผยรายงานเรื่อง “Worlds of Influence: การทำความเข้าใจความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กในประเทศที่ร่ำรวย” โดยทำการศึกษาสุขภาพจิตของเด็กในประเทศที่พัฒนาแล้วจำนวน 38 ประเทศโดยพิจารณาใน 3 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ ความเป็นอยู่ที่ดีสุขภาพจิตและทักษะทางวิชาการและสังคม โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมก่อนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ การระบาดใหญ่
พบว่าคุณภาพชีวิตของเด็กในประเทศเนเธอร์แลนด์ ถูกจัดไว้ในอันดับที่ 1 ตามด้วยเดนมาร์กและนอร์เวย์ ขณะที่ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกได้แก่ ญี่ปุ่นครองอันดับที่ 20 และ เกาหลีใต้อยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนสหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 36 และชิลีติดอันดับที่แย่ที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 38 ประเทศ
ในปี 2018 เนเธอร์แลนด์รายงานอัตราเด็กที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี พบว่าพวกเขามีความพึงพอใจในชีวิตสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ในรายงานยังระบุถึงสถิติการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นอายุ 15-19 ปี ระหว่างปี 2013 ถึง 2015 พบว่ามีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 7.5 คน ต่อประชากรเด็ก 100,000 โดยประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดคือวัยรุ่นในประเทศลิทัวเนีย ที่มีอัตราฆ่าตัวตายอยู่ที่ 18.2 คน ตามด้วยนิวซีแลนด์ที่ 14.9 คน และกรีซมีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำสุดที่ 1.4 คน
เมื่อสำรวจถึงสุขภาพร่างกายโดยเฉพาะโรคอ้วน พบว่าในสหรัฐอเมริกามีอัตราที่เด็กมีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมากที่สุดถึง 42% ในขณะที่ญี่ปุ่นมีอัตราโรคอ้วนต่ำที่สุดโดยมีเพียงร้อยละ 14 ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 5 ถึง 19 ปี
ในด้านความมั่นใจในการหาเพื่อนได้ง่ายใน 3 อันดับแรกพบว่าเด็กในประเทศโรมาเนีย นอร์เวย์ และโครเอเชีย ที่บอกว่าพวกเขาสามารถทำความรู้จักกับเพื่อนได้ง่าย ในขณะที่เด็กๆ ที่บอกว่าเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ได้แก่เด็กๆ ในประเทศ ชิลี ญี่ปุ่น และไอซ์แลนด์ ตามลำดับ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาของญี่ปุ่นระบุว่าเนื่องจากสังคมโรงเรียนของประเทศญี่ปุ่นเป็นสังคมที่มักจะมีการ “รังแก” กันของเด็กๆ ขณะที่การแข่งขันที่มากเกินไปเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นปัจจัยลบต่อสุขภาพจิตของเด็ก จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เด็ก ๆ (ในญี่ปุ่น) จะมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำและขาดความสุข และไม่มีทักษะในการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ
รายงานของยูนิเซฟฉบับนี้ยังระบุว่าวิกฤตไวรัสโคโรนาที่กำลังดำเนินอยู่จะเพิ่มความท้าทายที่เด็ก ๆ ต้องเผชิญ สิ่งที่เริ่มต้นจากวิกฤตสุขภาพจะลามไปสัมผัสเศรษฐกิจและสังคมทุกด้าน แม้ว่าเด็ก ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพโดยตรงที่แย่ลงของไวรัส แต่เด็กในยุคนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะยาวอย่างรุนแรงที่สุด