“วิญฺญูหีติ (วิญญูหีติ) เกิดเป็นวิญญูชน ต้องอดทนให้ถึงที่สุด วิริยอุตสาหะ มีความเพียรพยายามให้ถึงที่สุดและเธอก็จะสำเร็จจนถึงที่สุด ปสฺสติ (ปัสสะติ) เธอจงศึกษาด้วยเถิด โอปนยิโก (โอปะนะยิโก) ให้เธอน้อมและใส่ตัวว่าอะไรมันใช่ อะไรมันไม่ใช่ เหมือนเธอทำวิจัยกันอยู่ทุกวันนี้ มันจะเป็น ปจฺจตฺตํ (ปัจจัตตัง) รู้ด้วยตัวของเธอเอง”
พระมงคลกิจโกศล (เทพหิรัณย์ ชวโร)
วัดเทพหิรัณย์ (หนองทาระภู) จังหวัดชัยนาท
กินอยู่เป็น 360 แห่งการใช้ชีวิต ขอนำคำสอน พระมงคลกิจโกศล (เทพหิรัณย์ ชวโร) หรือที่บรรดาศิษยานุศิษย์รู้จักกันดีในนาม “หลวงปู่ฤาษีตาไฟ” มาแบ่งปันทุกท่าน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในวันที่สังคมโลกเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง สิ่งรอบตัวที่เกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่ากลัว ทั้งวิวัฒนาการของโรคภัยไข้เจ็บ ภัยธรรมชาติ ปัญหาปากท้องที่กลายเป็นทุกข์ทับถมเรา
แล้วหนทางพ้นทุกข์ เกี่ยวกับวิญญูชนอย่างไร
ในทางธรรม..”วิญญูชน” หมายถึง ผู้ที่สามารถเรียนรู้ธรรมของพระพุทธเจ้าได้อย่างเข้าใจเข้าถึง
ในทางโลก….”วิญญูชน” หมายถึง ผู้ที่มีความรู้ผิดชอบชั่วดี
และ “วิญญูชน” ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะผู้รากมากดี นักปราชญ์ คนฉลาด ผู้มีอำนาจเท่านั้น แต่หมายถึงคนทั่วไปในสังคมที่มีความตระหนักรู้ ถึงจรรยาบรรณ จริยธรรม รู้ว่าอะไรผิด อะไรควรไม่ควรทำ
เมื่อได้พินิจคำสอนของหลวงปู่ ก็จะพบได้ว่า แก่นการใช้ชีวิตให้เป็นในวันที่ต้องเผชิญทุกข์ หรือ ปัญหานานา คือ “ต้องมีความอดทน เพียรพยายาม ใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาเพื่อเข้าใจถึงเหตุและผลของสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วนำสิ่งที่ดีมาปรับใช้กับตนเองอย่างเหมาะสม” อันเป็นหลักที่วิญญูชนพึงปฏิบัติ
หากหัวใจสำคัญของจะเป็นวิญญูชนได้นั้น คือ ต้องเริ่มต้นด้วย “สติ” เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีสติ ก็จะพิจารณาเรื่องต่างๆ ได้อย่างเข้าใจและรู้ว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร ตลอดจนพิจารณาเหตุและผลของการกระทำได้อย่างถี่ถ้วนเหมาะสมด้วยตนเองว่าจะส่งผลต่อความผิดชอบชั่วดีอย่างไร
ดังนั้นไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เรื่องร้าย เรื่องร้อนผ่านเข้ามากระทบ วิญญูชนก็จะสามารถรับมือได้อย่างมีสติ เท่าทันทุกข์ ถึงทุกข์ก็ทุกข์ไม่มาก ทุกข์ไม่นาน ทุกข์ผ่านlไปได้เร็ว
“คนเราถ้าไม่รู้ทุกข์ เห็นทุกข์ ไม่รู้จักทุกข์ เค้าจะมองตัวเค้าเองได้อย่างไร”
พระมงคลกิจโกศล (เทพหิรัณย์ ชวโร)