5 New normal คาดว่ามาแน่สำหรับคนไทย

0
473
kinyupen

นาทีนี้คำว่า New Normal หรือ “ความปกติรูปแบบใหม่” กลายเป็นที่พูดถึงกันวงการไม่ว่าจะการเมือง ธุรกิจ การเงินการลงทุน รวมถึงการสื่อสาร ซึ่งถ้าแปลตรงตัวอาจงงว่าความปกติรูปแบบใหม่หมายถึงอะไร แต่ตีความง่ายๆ ก็คือ “วิถีชีวิต หรือ พฤติกรรมแบบใหม่ๆ ที่จะกลายเป็นสิ่งคุ้นชินกับชีวิตเรา” นั่นเอง

 

วันนี้ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอสรุป 5 New Normal ที่คาดว่าแม้วิกฤติโควิด-19 จะซาไปแต่จะยังคงอยู่คู่คนไทยไปอีกหลายปีแน่ๆ มานำเสนอกัน ส่วนจะมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย

 

1.วัฒนธรรมสาธารณะ พฤติกรรมการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร จะเข้ามาเป็นหนึ่งในวิถีประจำวันของคนไทย ซึ่งวันนี้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือโดยสมัครใจทั้งหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจเอกชน พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนดังเห็นได้จากการต่อแถวเข้าคิวร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ฟู้ดคอร์ท แคนทีน ตู้เอทีเอ็ม หรือ ธุรกรรมต่างๆ ระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ รถตู้ รถไฟฟ้า เรือ เครื่องบินที่เว้นระยะห่างและกำหนดที่นั่งชัดเจน ตลอดจนโรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ โรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวที่คาดจะเห็นมากขึ้นในอนาคต

 

2.สุขอนามัย แน่นอนว่าหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือจะกลายมาเป็นไอเทมติดตัวของทุกคนต่อจากโทรศัพท์ นอกจากนี้หมั่นล้างมือก่อนและหลังทำกิจกรรมไม่ว่าจะทานอาหาร เข้าห้องน้ำ หรือ เดินทางไปที่ต่างๆ รวมถึงการแยกภาชนะ หรือ ใส่ใจทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวก็จะเป็นนิสัยที่ติดตัวเราต่อไป ส่งผลให้แอลกอฮอล์ น้ำยาทำความสะอาดประเภทต่างๆ จะขึ้นแท่นกลายเป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าแนะนำตามร้านโชห่วย ร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้า

 

3.ออกกำลังกาย กิจกรรมกลางแจ้งในที่สาธารณะ อาทิ การเดิน วิ่ง ไท่เก๊ก ต้องการปรับรูปแบบโดยคำนึงถึงการเว้นระยะห่างส่วนบุคคลมากขึ้น ขณะที่ ฟิตเนส โยคะ หรือ แอโรบิค ที่เคยทำเป็นกลุ่มอาจใช้วิธีการเทรนผ่านออนไลน์ ซึ่งแม้จะมีการปรับรายละเอียดที่เข้มงวดขึ้น แต่เชื่อได้ว่ากลุ่มคนรักสุขภาพก็พร้อมและยินดีปฏิบัติตามแน่นอน

 

4.ชีวิตออนไลน์ Work from Home และประชุมออนไลน์ยังคงมีการใช้อยู่ต่อเนื่อง และอาจมากขึ้นในงานบางประเภทที่ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่หน้างานตลอดเวลา ส่วนผู้ที่เสพข่าวออนไลน์ จะเข้าใจวิธีค้นหา คัดกรองข้อมูล รวมถึงตรวจสอบ Fake News ได้อย่างที่ถูกต้องมากขึ้น

ทั้งนี้ด้วยความเสี่ยงจากความแออัดของการเข้าทำธุรกรรม จ่ายบิล หรือ ซื้อสินค้า จะส่งผลให้ช็อปปิ้งออนไลน์กลายมาเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกซื้อ รวมถึงช่องทางสร้างเงิน สร้างอาชีพให้กับผู้ขายหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ส่วนการใช้จ่ายแบบ Mobile Banking ที่ภาครัฐพยายามกระตุ้นมาตลอดนั้นจำนวนผู้ใช้ก็จะถีบตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ขณะที่ออนไลน์จะมีบทบาทมากขึ้นทั้งการเรียนในระบบ รวมถึงนอกระบบอย่างสถาบันกวดวิชา แต่เชื่อว่ายังไม่สามารถใช้กับระบบการศึกษาพื้นฐานได้ทั้งหมดในเร็ววัน เพราะแต่ละพื้นที่ยังมีความเหลื่อมล้ำกันมาก

 

5.วางแผนการเงิน วิกฤตินี้ได้สอนให้เรารู้จักความหมายของคำว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” แบบแจ่มแจ้งชัดเจน จึงเชื่อได้ว่า “การใช้จ่ายแบบระมัดระวังและพอเพียง – การออมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน” ซึ่งเป็นหลักการที่ค่อนข้างคอนเซอเวทีฟนั้น จะถูกให้ความสำคัญและนำมาปัดฝุ่นใช้ในแต่ละครอบครัวมากขึ้น

ขณะที่การนำเงินในอนาคตมาซื้อสินค้ามูลค่าสูง หรือ ผ่อนยาว จะถูกไตร่ตรองคิดหน้าคิดหลังมากขึ้น เพราะไม่มีใครรับประกันได้ว่าเงินที่คิดว่าจะได้แน่ในอนาคตจากงานที่ทำอยู่นั้นจะไม่หายวับในพริบตาไปอีก นอกจากนี้ “ประกันสุขภาพ” น่าจะเข้ามามีบทบาทต่อการวางแผนการเงินของแต่ละครอบครัวไม่แพ้กัน

จากทั้ง 5 ข้อข้างต้น บางเรื่องจริงแล้วมันก็คือ หลักการที่เรามีการรณรงค์กันมาเป็นระยะ แต่อาจหลงลืม มองข้าม หรือ ประมาทกับชีวิตเกินไป ขณะที่บางเรื่องก็เป็นผลที่เกิดจากการเกิด Digital Disruption ที่บางคนพยายามปิดกั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ หากทั้งหมดได้ถูกกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นด้วยยาแรงที่ชื่อว่า เจ้าไวรัสโควิด-19 นี่เอง

 

อ่านประกอบบทความที่เกี่ยวข้อง

kinyupen