ซูซูกิ ฉลอง 100 ปี จากโรงงานทอผ้าสู่การผลิตรถยนต์ ชู “จิมนี่” รุ่นใหม่ที่ยังครองใจคนรักรถจิ๊ป

0
564
kinyupen

บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์รถจักรยานยนต์และรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ของญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีในเดือนนี้ โดยปัจจุบันซูซูกิ นับเป็นผู้ผลิตยานพาหนะที่ใหญ่เป็นอันดับสามในญี่ปุ่น

 

ซูซูกิ มอเตอร์ ก่อตั้งโดยนายมิชิโอะ ซูซูกิ เมื่อวันที่  15 มีนาคม พ.ศ.2463 (ค.ศ.1920) โดยเริ่มต้นจากโรงงานทอผ้าเล็กๆ ของหมู่บ้านชายทะเล ในเมืองฮามามัตสุ  ก่อนที่บริษัทจะเจริญเติบโตเรื่อยมาเป็นลำดับ และขยายตัวเป็นกลุ่ม บริษัท จกภายในญี่ปุ่นเอง และก้าวไปสู่ระดับโลก โดยปัจจุบันบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ มีโรงงานผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์  35 แห่งใน 23 ประเทศ ทั้งยังมีเครือข่ายผู้จัดจำหน่าย 133 แห่งใน 192 ประเทศ

 

การเติบโตของซูซูกินับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่น่าสนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ แต่เริ่มจากการเปิดเป็นโรงงานทอผ้า ก่อนที่จะเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นการผลิตรถยนต์หลังการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2

 

 

รถยนต์ที่มิชิโอะ ซูซูกิ ออกแบบและผลิตขึ้นมาเป็นคันแรกโดยใช้เวลาสร้างต้นแบบอยู่สองปี คือ รถยนต์ขนาดเล็ก แบบสี่จังหวะ สี่สูบ ขนาด 13 แรงม้า แต่กลับปรากฎว่ารถยนต์ที่เสร็จสมบูรณ์เหล่านี้ไม่เคยเข้าสู่การผลิตเนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศระบุว่าสินค้ารถยนต์ส่วนบุคคล เป็น “สินค้าฟุ่มเฟือย” เนื่องจากขณะนั้นญี่ปุ่นอยู่ในช่วงแพ้สงครามและต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขนาดนั้นประชาชนส่วนใหญ่ยังอดอยากและต้องประหยัด

 

อย่างไรก็ตามมิชิโอะ ซูซูกิ ยังคงยืนยันที่จะผลิตรถยนต์และจักรยานยนต์หลายรุ่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถของซูซูกิที่ผลิตออกมามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามยุคสมัยและกลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลกตลอด 100 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา

 

“เราจะยังคงเผชิญกับความท้าทายของการผลิตเพื่อมอบผลิตภัณฑ์ที่น่าตื่นเต้นที่จะทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งาน, สนุก และ มีเซอร์ไพรส์ให้กับ ลูกค้าทั่วโลกมากขึ้น” ซูซูกิระบุในประกาศของบริษัทในการเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งบริษัทในปี้นี้

 

แม้ว่ายอดขายรถยนต์ของซูซูกิ จะตามหลัง โตโยต้า มิตซูบิชิและนิสสัน  แต่แบรนด์ซูซูกิยังคงติดหนึ่งในรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยในปัจจุบันรถยนต์ ซูซูกิ รุ่นจิมนี่ กลายเป็นหนึ่งในรถรุ่นใหม่ของซูซูกิที่มีผู้คนรอคอยการออกขายในตลาดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

 

ขอขอบคุณที่มา :  สำนักข่าวรอยเตอร์

 

kinyupen