ช่างซ่อมรองเท้าเกาหลีใจดีบริจาคที่ดินจากเงินสะสมทั้งชีวิตให้รัฐบาลสู้ภัยโควิด 19

0
527
kinyupen

ช่างซ่อมรองเท้าวัย 61 ปีตัดสินใจบริจาคที่ดินมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท จากเงินที่ทยอยสะสมซื้อมาทั้งชีวิตหวังใช้เป็นที่ทำไร่ทำนาในบั้นปลายชีวิตให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเมืองปาจู เพื่อใช้สาธารณประโยชน์ในช่วงประเทศต้องเผชิญปัญหาโควิด19

 

ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19  มากที่สุดรองจากจีน และอิตาลี แม้ว่าขณะนี่สถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่รัฐบาลก็ยังคงต้องดูแลประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสนี้อย่างต่อเนื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ เศรษฐกิจของประชาชนที่ย่ำแย่ตามมาหลังเกิดวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่นี้

 

แต่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เรามักมองเห็นความสวยงามในน้ำใจของผู้คนในทุกที่เสมอ ที่เกาหลีใต้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อสื่อเกาหลีใต้รายงานว่านายคิมบยอง – ร็อก ช่างซ่อมรองเท้าวัย 61 ปี ตัดสินใจที่จะบริจาคที่ดินของเขาพื้นที่ราว 33,000 ตารางเมตรที่ใช้เงินสะสมมาทั้งชีวิตซื้อไว้หวังจะไปสร้างบ้านอยู่อาศัยในบั้นปลายของชีวิต ให้กับหน่วยงานท้องถิ่นเมือง พาจู จ.คยองกี นำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด19  ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนร่วมชาติในขณะนี้

 

 

คิมบอกว่า  เขาซื้อที่ดินบริเวณนี้มาเมื่อ 6 ปีก่อน โดยใช้เงินสะสมจากอาชีพซ่อมรองเท้าร่วมกับภรรยา  โดยหวังว่าจะใช้มันเป็นสถานที่ที่อาศัยและทำไร่ไถนาร่วมกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีที่ไปอื่นๆ ในบั้นปลายของชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาคิดไว้ตั้งแต่ต้นว่าที่ดินนี้นอกจากจะใช้เพื่อการอยู่อาศัยส่วนตัวแล้ว ก็ยังต้องการที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม แต่ยังไม่ได้คิดว่าจะนำไปทำอะไร จนกระทั่งเกิดวิกฤติโรคระบาด เขาจึงตัดสินใจที่จะบริจาคที่ดินนี้ให้กับรัฐบาลทันที เพราะถือว่าเป็นเวลาและโอกาสที่ที่ดินบริเวณนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

 

จากข้อมูลของเมืองพาจู  ระบุว่าหากประเมินราคาที่ดินที่ครอบครัวของนายคิมบริจาค จะพบว่าอยู่ที่ราว 500 – 700 ล้านวอน หรือราว 13-18 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จากเมืองพาจู ระบุว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากผลกระทบของโรคโควิด19 ซึ่งภายในเมืองพ#ไวรัสโคโรน่าาจู ก็เช่นกัน ซึ่งถือเป็นช่วงยากลำบาก และรัฐบาลท้องถิ่นของเมือง

 

“จริงๆ ผมใช้เวลาตัดสินใจอยู่ 2-3 คืน กว่าจะตกลงบริจาคที่ดินนี้ให้กับรัฐบาล แต่ผมคิดว่าอยากจะใช้พลังที่มีอยู่เล็กน้อยนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ เพราะผมเคยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจช่วงไอเอ็มเอฟมาแล้ว จึงเข้าใจถึงความยากลำบากนั้นดี เมื่อประเทศยากลำบาก ผมก็พร้อมที่จะอุทิศสิ่งที่มีเพื่อช่วยเหลือคนที่ยากลำบากกว่า” คิมระบุ

 

ด้านภรรยาของคิม บอกว่า ตอนที่สามารถมาบอกว่าจะบริจาคที่ดินเธอรู้สึกตกใจ และเจ็บปวดเหมือนกับว่าแขนถูกหนึ่งถูกตัดออกไป เพราะว่าครอบครัวของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวย เป็นเพียงร้านซ่อมรองเท้า และยังมีลูกชายวัย 27 ปีที่พิการทางสมองและดาวน์ซินโดรมต้องเลี้ยงดู ขณะที่ลูกสาวคนโตวัย 34 ปี แยกบ้านออกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเธอเคารพในการตัดสินใจของสามีที่จะใช้ที่ดินนี้เพื่อสาธารณประโยชน์

 

สำหรับนายคิมบยอง – ร็อก ปัจจุบันอายุ 61 ปี เขาซ่อมรองเท้าให้กับลูกค้ามาแล้วกว่า 5,000 คู่เป็นเวลา 21 ปี และยังส่งรองเท้าที่ซ่อมแล้วไปให้กับผู้ยากไร้ได้ใช้ด้วย นอกจากรองเท้าแล้วเขายังซ่อมแซมของใช้เก่าๆ เช่น ร่ม เพื่อส่งมอบให้กับผู้คนที่ยากลำบาก  นอกจากนี้ยังไปเรียนตัดผมและเป็นอาสาสมัครไปตัดผมให้กับผู้สูงอายุในสถานพยาบาล 4-5 ครั้งต่อเดือน นอกจากนี้ยังร่วมเป็นอาสาสมัครรณรงค์เรื่องการช่วยเหลือสังคมอื่นๆ อีก มากมาย

 

“เรื่องการทำงานเพื่อสังคม เช่นการรณรงค์บริจาคเงินที่เหลือจากค่าทางด่วน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  ผมแค่อยากทำให้ใครบางคนรู้สึกมีความสุขและขอบคุณสำหรับวันนี้ด้วยเงินเพียงไม่กี่พันวอนที่พวกเขาได้รับ ซึ่งคนบริจาคก็น่าจะมีความสุขไปด้วย”เขากล่าว

 

คิมยังบอกด้วยว่า เมื่อก่อนนี้ลูกๆ มักจะอายและสงสัยเมื่อเห็นพ่อไปทำงานอาสาสมัครจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน  เพราะนอกจากอาชีพซ่อมรองเท้า แล้วเขายังออกไปทำกิจกรรมอาสาสมัครอื่นๆ ด้วยความรู้สึกดีที่ผู้คนมีความสุขจากการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ของเขา  แต่ปัจจุบันลูกๆ กลับภูมิใจที่จะเปิดเผยว่าพ่อของเขาทำงานอะไร และได้ช่วยเหลือผู้คน และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาจะได้มอบที่ดินนี้เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าลูกๆ ก็จะภูมิใจในสิ่งที่เขาทำเช่นกัน

 

ขอขอบคุณที่มาและภาพประกอบจาก : https://news.joins.com/article/23728074

 

kinyupen