ย้อนอดีต “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” การแพร่เชื้อจากท้องถิ่นสู่โรคระบาดระดับโลก

0
687
kinyupen

หลังการออกมาเผยข้อมูลการติดเชื้อ COVID19  ของประเทศเกาหลีใต้ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเชื่อว่าการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางน่าจะเกิดจากหญิงชาวเกาหลีใต้วัย 61  ผู้ป่วยหมายเลข 31 ที่ปฎิเสธการเข้ารับรักษาและกักกันโรค และกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม มีการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในโบสถ์แห่งหนึ่งที่มีผู้คนจำนวนมากในเมืองแดกูที่อาศัยอยู่จนนำไปสู่การแพร่ระบาดสู่ผู้คนอื่นอีกจำนวนมาก

 

เช่นเดียวกับคุณยายวัย 70 ปีชาวญี่ปุ่นที่เกิดอาการป่วย และแพทย์คาดกว่าอาจจะติดเชื้อ COVID19 เช่นกัน แต่เธอยังคงปฏิเสธการเข้ารับการรักษาแต่กลับออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับกรุ๊ปทัวร์ จนทำให้เชื่อว่าอาจจะทำให้กลายเป็นการเผยแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่นๆ อีกหลายคน ในฐานะของการเป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ”

ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ” ไม่ใช่คำศัพท์ทางการแพทย์ แต่เป็นคำที่ถูกนำมาใช้กับการแพร่เชื้อในช่วงเกิดโรคระบาด โดยทั่วไปหมายถึงผู้ที่ติดเชื้อซึ่งป่วยเป็นโรค และสามารถแพร่เชื้อโรคให้กับผู้อื่นในอัตราที่เร็วและกว้างกว่าคนอื่น ๆ  จากการติดต่อด้วยในแต่ละวัน  โดยผู้ที่เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ เองอาจจะไม่รู้ตัวว่ากลายเป็นผู้แพร่เชื้อให้คนอื่น เพราะสามารถทำกิจกรรมประจำวันได้โดยไม่แสดงอาการและสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้โดยไม่เจตนา

 

ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ” ไม่ใช่สิ่งใหม่ เพราะในทุกครั้งที่เกิดโรคระบาดร้ายแรง ก็เคยพบว่ามีผู้แพร่เชื้อในลักษณะนี้มาแล้วตั้งแต่ในอดีตโดยเฉพาะกาฬโรคระบาดสำคัญต่างๆ ที่มาจากท้องถิ่นสู่การกลายเป็นโรคระบาดระดับโลกในที่สุด

ในอดีตเคยเกิดกรณีการระบาดของไข้รากสาดน้อยที่อเมริกา และอังกฤษ โดย การแพร่เชื้อเกิดจากผู้แพร่เชื้อสองคน ทั้งสองเป็นพาหะในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน โดยชาวอเมริกันได้แพร่เชื้อให้กับคนอื่นอีก 51 คน ตั้งแต่ พ.ศ. 2445 ถึง พ.ศ. 2452 ขณะที่ชาวอังกฤษที่ติดเชื้อคนแรกได้แพร่เชื้อไปยังผู้คนอีกมากกว่า 200 คนในช่วง 14 ปีระหว่าง พ.ศ. 2444 ถึง พ.ศ. 2458  ต่อมาทั้งสองได้ถูกร้องขอให้เลิกทำงานที่เคยทำอยู่คือการทำงานบริการด้านอาหาร เพื่อยุติการแพร่เชื้อ โดยชายชาวอังกฤษยอมที่จะเปลี่ยนอาชีพ แต่หญิงชาวอเมริกันยอมเปลี่ยนในครั้งแรกแต่ก็กลับไปทำอาหารอีกท้ายที่สุดเธอถูกกักตัวโดยไม่สมัครใจ ณ ที่แห่งหนึ่ง ในนิวยอร์ก และต้องอาศัยอยู่จนกระทั่งเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ขณะอายุ 69 ปี

 

ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 มีการระบาดของโรคหัดในเมืองแห่งหนึ่งของฟินแลนด์ในปี มีนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งมีผู้ป่วย 51 ราย หลายรายแม้จะเคยได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว โดยจากข้อมูลพบว่ามีผู้ติดเชื้อ 22 คนจาการแพร่เชื้อของเด็กเพียงคนเดียว

 

นอกจากนี้ในการระบาดของโรคซาร์ส เมื่อ พ.ศ. 2546 เคยพบว่า แพทย์ชาวจีนในมณฑลกวางตุ้งผู้ทำการรักษาผู้ป่วยโรคซาร์สได้ติดเชื้อไวรัสและมีอาการป่วย แม้จะมีอาการเขาได้เดินทางไปฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานของคนในครอบครัวโดยเข้าพักอยู่บนชั้นเก้าของโรงแรมเมโทรโพลในเกาลูน และแพร่เชื้อไปยังแขกของโรงแรมอีก 16 คนที่อยู่บนชั้นนั้น จากนั้นผู้ที่ติดเชื้อจากนายแพทย์คนนี้ ก็แยกย้ายไปยังแคนาดา, สิงคโปร์, ไต้หวัน และเวียดนาม จนทำให้เกิดแพร่กระจายโรคซาร์สไปยังสถานที่เหล่านั้น ทำให้ซาร์ส กลายเป็นโรคระบาดระดับโลก มีผู้ป่วยติดเชื้อ 8,273 ราย เสียชีวิต 775 คนเสียชีวิต ภายในสองสัปดาห์ของการเริ่มต้นระบาดและแพร่กระจายไปยัง 37 ประเทศ

 

หรืออีกหนึ่งกรณีคือการระบาดของไข้เลือดออกอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2557 มีการระบุการเกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์ และการศึกษารายงานพบว่าผู้ติดเชื้อ 61% นั้นมาจากผู้ป่วยเพียง 3% เท่านั้น โดยมีการคาดการณ์ว่าการแพร่เชื้ออาจจะมาจากการฝังศพแบบแอฟริกาตะวันตกมีส่วนในการแพร่กระจายเชื้อมากเป็นพิเศษ

 

สำหรับกรณีของโรค COVID19 ยังมีเพียงรายเดียวในประเทศเกาหลีใต้ที่มีการระบุชัดเจนว่า เกิดการระบาดในรูปแบบของ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ในขณะนี้ ซึ่งขณะนี้ทุกประเทศกำลังเฝ้าติดตามระมัดระวัง เพราะถือว่าการแพร่เชื้อในลักษณะนี้เป็นการแพร่เชื้อที่ร้ายแรง และทำให้เกิดการระบาดไปสู่วงกว้างในอย่างรวดเร็วและยากต่อการควบคุมนั่นเอง

 

ขอขอบคุณภาพ : ฺฺBCC Thai

kinyupen