14 พฤศจิกายน ของทุกปี “วันเบาหวานโลก” เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของโรคเบาหวานทั่วโลก และเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ลองสำรวจ 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่ควรลด ละ เลิก ป้องกัน “โรคเบาหวาน” ที่อันตรายถึงขั้นตายได้
วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ และองค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็น “วันเบาหวานโลก” เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจของโรคเบาหวานทั่วโลก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโรคเบาหวานอันตรายอย่างมาก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ อาทิ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตา โรคไต เป็นต้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ทุก ๆ คน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน เรามี 5 พฤติกรรมที่มีความเสี่ยง “โรคเบาหวาน” อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งต้องลด ละ เลิก พฤติกรรมดังกล่าว
1. รับประทานอาหารรสจัดเป็นประจำ : หวานจัด มันจัด หรือเค็มจัด อาหารรสชาติที่กล่าวมาข้างต้นล้วนไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะไม่ใช่แค่โรคเบาหวานที่จะเข้ามา แต่โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันก็อาจจะเข้ามาด้วย แล้วยิ่งถ้าชอบอาหารรสหวานๆ ถึงขั้นหวานจัด ส่งผลให้เกิดการสะสมปริมาณระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน
2. ความอ้วน น้ำหนักเกินกำหนด ไขมันสูง : สำหรับใครที่ชอบรับประทานอาหารประเภทของทอด ของมัน หรืออาหารที่มีรสหวาหรือมีคอเลสเตอรอลสูง พฤติกรรมเหล่านี้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานทั้งนั้น เพราะเมื่อน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น มีไขมันสะสมเยอะ จะทำให้ตับอ่อนต้องทำงานหนัก เมื่อทำงานหนักก็จะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้น ส่งผลให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้น้อยลง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งอันตรายมากและเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
3. ภาวะความเครียด : ความเครียดของบุคคลนั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือเบาหวาน เนื่องจากเวลาที่เราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา และฮอร์โมนนี้เองที่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของน้ำตาล ยิ่งเครียดมาก ๆ ระดับน้ำตาลในเลือดก็ยิ่งสูงมากขึ้นเช่นกัน
4. กินเหล้า-สูบบุหรี่จัด : ข้อมูลจาก อ.นพ.เกบ เมียคิน เรื่อง Why Excess Alcohol Increases Diabetes Risk ระบุว่า จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างของชาวสวีเดนที่อายุระหว่าง 35-61 ปี มากกว่า 5,100 คน พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์เกิน 2 ดริ๊งค์ (แอลกอฮอล์ 48 กรัม) ในคนที่น้ำหนักตัวประมาณ 70 กก. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน เพราะตับที่เป็นอวัยวะหลักในการทำลายแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด จะต้องใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงในการทำลายแอลกอฮอล์ 1 ดริ๊ง ฉะนั้น ถ้าดื่มเกิน 2 ดริ๊งค์ ตับจะเริ่มทำงานหนักเกินกำลัง เกิดการสะสมไขมันไตรกลีเซอไรด์ในตับ จนกลายเป็นภาวะไขมันเกาะตับ ซึ่งส่งผลให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน นอกจากนี้การสูบบุหรี่ก็จะยิ่งทำให้การทำงานของอินซูลินแย่ลง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นนั่นเอง
5. ไม่ออกกำลังกาย : การออกกำลังกายที่พอเหมาะจะช่วยให้ร่างกายตอบสนองกับอินซูลิน ซึ่งเป็นตัวควบคุมน้ำตาลไม่ให้สูงเกินปกติได้ดีขึ้น สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงาน เนื่องจากโรคเบาหวานเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลให้เป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งนี้ การหักโหมออกกำลังกายมากเกินไปก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะเวลาที่ร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมามากเกินไป ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือ 5 พฤติกรรมเสี่ยงต่อ “โรคเบาหวาน” ซึ่งหากไม่ดูแลตนเอง ก็อาจะส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ ฉะนั้น พฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเองสำคัญมากที่จะลดการเกิดโรคเบาหวานได้ ลองสำรวจตัวเราเองว่าคุณยังมีพฤติกรรมเสี่ยง 5 อย่างหรือไม่ ถ้ามีควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าต้องมาทรมาณรักษาโรคเบาหวานในช่วงบั้นปลายชีวิต หรือถ้าโคร้ายอาจจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรก็ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลพญาไท