เปิดโผชี้นักช้อปออนไลน์ ชอบใช้จ่ายตอนดึก

0
711
kinyupen

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เรื่องช้อปปิ้งเช่นกัน ประโยคสั้นๆ นี้ สะท้อนอะไรหลายอย่างในสังคมปัจจุบัน ถึงเรื่องการซื้อของออนไลน์ หรือช้อปปิ้งออนไลน์ แค่คลิกๆ หน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ ก็มีของมาส่งถึงบ้าน สะดวก รวดเร็วทันใจ แถมเงินปลิวหายวับไปกับตา

 

ในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมาก หันมาพึ่งพาเทคโนโลยีกันมากขึ้น เจ้าของร้านค้าต่างๆ จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เพื่อตอบรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ด้วยการเปิดช่องทางขายสินค้าในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น FACEBOOK, INSTAGRAM หรือ LINE@ เพราะเข้าถึงง่ายประหยัดเวลา ได้กลุ่มลูกค้าหลากหลาย

 

เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน เวลาช้อปปิ้งก็เปลี่ยนตามไปด้วย

 

ข้อมูลจากจอห์นลูอิสและพาร์ทเนอร์เครือข่ายห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ของสหราชอาณาจักร ระบุว่าปัจจุบันยอดสั่งซื้อสินค้าในช่วงเวลาเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า โตขึ้นถึง 28% จากปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับข้อมูลของ มาร์ติน ลูอิส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคล สถาบันนโยบายการเงินและสุขภาพจิต ที่ว่าบริษัทค้าปลีกส่วนใหญ่ อย่าง อเมซอน, อีซี่เจ็ท, ควิดโค และลาสมินิทดอทคอม จะส่งอีเมลแนะนำสินค้าลดราคาให้กลุ่มลูกค้าช่วงเวลากลางคืน เพราะมองว่าช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเข้าถึงลูกค้ามากสุด เนื่องเป็นช่วงเวลาเดียวที่คนส่วนใหญ่มีเวลาว่างจากกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

 

เมื่อความขี้เกียจสร้างเม็ดเงินมหาศาลบนโลกออนไลน์

สำหรับประเทศไทยมีผลการวิเคราะห์ที่น่าสนใจของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU ว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมานิยมช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือความขี้เกียจ ไม่อยากรอคิวนาน เสียเวลา ดังนั้นธุรกิจประเภท สินค้าและบริการออนไลน์ จึงได้รับความนิยมอย่างสูงสุด จนเสียเงินจำนวนมหาศาลไปกับการซื้อของบนโลกออนไลน์ เพียงเพราะความสะดวกสบายนี่เอง

จากสถิติของ We Are Social บริษัทเอเจนซี่จากสหราชอาณาจักร และ Hootsuite ผู้ให้บริการการตลาดบนโซเชียลมีเดีย เปิดเผยข้อมูลว่า คนไทยนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ จำนวนมหาศาล ขั้นต่ำหลักร้อยล้านเหรียญ จนถึงพันล้านเหรียญ ในค่าเงิน สหรัฐฯ ลองคำนวณเล่นๆ ดูว่าหากแปลงค่าเม็ดเงินสหรัฐฯ เป็นค่าเงินบาทไทย จำนวนเงินที่คุณหมดไปกับการช้อปปิ้งออนไลน์จะน่าตกใจขนาดไหน !!!

 

กลุ่มสินค้าหรือบริการที่นิยมซื้อออนไลน์ 5 อันดับ มีดังนี้

1.สินค้าแฟชั่น และความงาม ยอดใช้จ่ายอยู่ที่ 908 ล้านเหรียญสหรัฐ

2.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยอดใช้จ่าย 1,043 ล้านเหรียญสหรัฐ

3.อาหาร เครื่องใช้ส่วนตัว ยอดใช้จ่าย 571 ล้านเหรียญสหรัฐ

4.เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน ยอดใช้จ่าย 660 ล้านเหรียญสหรัฐ

5.ของเล่น DIY และงานอดิเรก ยอดใช้จ่าย 575 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

หากลองสังเกตกันให้ดีจะพบว่าสถิติจากด้านบน ประเภทสินค้าที่ได้รับความนิยม ส่วนใหญ่เป็นของใช้ทั่วไป ในชีวิตประจำวัน เริ่มไล่มาตั้งแต่ เรื่องสุขภาพ ความงาม แฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน หรือแม้กระทั่งอาหาร ที่แต่ก่อนต้องซื้อตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ วุ่นวาย กว่าจะหอบหิ้วมาถึงบ้าน แกะใส่ห่อ หรือ ประกอบอาหารด้วยตนเอง พอมีช้อปปิ้งออนไลน์เข้ามา การซื้อสินค้าตามใจชอบก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และนี่คือเรื่องราวที่กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตนำมาแบ่งปันกัน

kinyupen