ช่วงเฝ้าระวัง 2 สัปดาห์แรก
อย่าเพิ่งตกใจ ถ้ามีอาการฟ้าแลบในตา เป็นแสงแวบ เหมือนถูกยิงแฟลชใส่ตาซึ่งจะเห็นเป็นระยะเวลาสั้น ๆ และบ่อยๆ มักเห็นในที่มืด หรือ กลอกตา ขยับใบหน้า เพราะนั่นเป็นสัญญาณต่อเนื่องจากเหตุวุ้นตาเสื่อม ที่มาของโรคเกิดได้อย่างไร หือ ควรดูแลตนเองอย่างไร กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอนำมาฝากกัน
สาเหตุของวุ้นตาเสื่อมมีหลายปัจจัย ด้วยกันทั้งอุบัติเหตุ เบาหวาน สายตาสั้นรวมถึงเข้าสู่ช่วงสูงวัย กลุ่มคนตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งสาเหตุของวุ้นตาเสื่อม คือ เส้นใยคอลลาเจนเสื่อมสภาพ (ลักษณะเดียวกับการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่น ขาดความยืดหยุ่นไป)
การเสื่อมของเส้นใยคอลลาเจนในวุ้นตา ที่จะนำไปสู่ปัญหาคือ เส้นใยคอลลาเจนขนาดเล็ก ๆ จะขาดเป็นท่อน หดตัวจับกันเป็นก้อน ทำให้เกิดเป็นตะกอนในวุ้นตา นั่นคือทำให้เราเห็นเป็นเหมือนมียุง หรือเส้นใยดำๆ ลอยไปลอยมาในตา ซึ่งจักษุแพทย์จะบอกว่า อาการวุ้นตาเสื่อมนี้จะไม่หายไป โดยนานๆ หากเรารู้สึกเหมือนเส้นใย ดำๆ หรือ ยุงในตาหายไปนั่นเป็นเพราะว่าเราคุ้นชินจนลืม
หากระยะที่ต้องเฝ้าระวัง เมื่อมีแสงวาบ นั่นเพราะเกิดจากระยะวุ้นตาแยกตัวจากจอประสาทตา และเกิดการดึงรั้ง โดยระยะแสงวาบนี้ ช่วงที่ต้องเฝ้าระวัง จะกินระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์นับจากวันแรกที่เห็นแสงวาบ โดยระยะนี้จักษุแพทย์จะไม่ได้ให้ยาทาน หรือยาหยอดใด ๆ ทั้งสิ้นหากให้สังเกตว่าเมื่อใด ที่เกิดเงาดำมากขึ้น ขนาดใหญ่ขึ้น มีอาการตามัว นั่นหมายถึงจอประสาทตาฉีกขาด สิ่งที่ควรทำคือรีบเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อทำการรักษาทันท่วงที
อย่างไรก็ตามแสงวาบในตา จะกินระยะเวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะหายไปเอง หากให้ดี กินอยู่เป็น 360องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอแนะนำผู้สูงอายุ หรือ ผู้อ่านทุกท่านควรหาจักษุแพทย์ ปีละ 1-2 ครั้งเพื่อตรวจเช็ค เพราะหลายครั้งที่พบว่าเรามีปัญหาด้านสายตาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากความเคยชิน
