มีหลายหน่วยงานระดับโลก ต่างออกมาให้ข้อมูลที่ตรงกันในเรื่องของ “ภาวะโลกร้อน” ที่ยิ่งวัน จะยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ สร้างความร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกแล้ว กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต มีข้อมูล “ร้อนๆ” มาฝากเช่นเคย
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) และหน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัส หรือ C3S ของสหภาพยุโรป ต่างก็ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงที่อ่านแล้วเตรียมตัวเหงื่อตกกันได้เลย โดยมีการเปิดเผยว่าปี 2023 ที่ผ่านมา เป็นปีที่โลกมีอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา ตั้งแต่ปี 1850 โดยอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี 2023 สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ย ในช่วงปี 1850 ถึง 1900 ที่ 1.48 องศาเซลเซียส
โดยตามข้อมูลของ WMO นั้น ช่วง 9 ปีสุดท้ายนับถึงปี 2023 คือตั้งแต่ปี 2015-2023 ถือเป็นช่วงที่โลกเรามีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ รายงานยังแสดงให้เห็นว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในช่วงปี 2013-2022 นั้น เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าของอัตราที่เคยบันทึกไว้ในทศวรรษแรกของการใช้ดาวเทียมติดตามระดับน้ำทะเล (ปี 1993-2002) ทั้งนี้ ก็เนื่องจากภาวะโลกร้อนและการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง
ด้านคาร์โล บวนเทมโป ผู้อำนวยการของ C3S เปิดเผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยที่สูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ใกล้จะสูงเกินเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ที่หลายประเทศได้ตกลงร่วมกันในข้อตกลงกรุงปารีส เมื่อปี 2015 ที่จะร่วมมือกันป้องกัน ไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม
โดยในภาพรวมนอกเหนือจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว ยังมีปรากฏการณ์เอลนิโญ ที่อุณหภูมิน้ำทะเลในมาหสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเพิ่มสูงขึ้น และแผ่ความร้อนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของโลกตลอดปี 2024 จึงทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ปี 2024 จะเป็นปีที่อากาศร้อนทำลายสถิติอีกครั้งหนึ่ง เดาได้เลยว่า ตราบใดที่ชั้นบรรยากาศถูกทำลาย เราก็จะได้เจอสถิติความร้อนสูงสุดเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ในปีต่อๆไป
