เดี๋ยวนี้ประหยัดอะไรได้ก็ต้องประหยัด ไม่ว่าจะของกิน ของใช้ หรือแม้แต่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ถ้าพูดถึงค่าไฟแล้ว เป็นอะไรที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ มันมีความจำเป็นที่มากกว่าปัจจัย 4 โดยอาจเป็นปัจจัยที่ 6 (เพราะปัจจัยที่ 5 โดนมือถือแย่งไปซะแล้ว) ทุกบ้านต้องใช้ไฟในการดำรงชีวิต แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราได้รู้ว่าใครคือ “นังตัวต้นเรื่อง” ที่กินไฟเก่งซะเหลือเกิน กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอชวนผู้อ่านทุกท่านมาเผยตัวการ “กินไฟ” 10 อันดับไปพร้อมๆกัน
อันดับ 1 เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า 3,500 – 8,000 วัตต์
อันดับ 2 เตารีดไฟฟ้า (แห้ง – ไอน้ำ) 1,000 – 2,600 วัตต์
อันดับ 3 ไดร์เป่าผม 1,000 – 2,200 วัตต์
อันดับ 4 เตาไมโครเวฟ (20 – 32 L) 1,000 – 1,880 วัตต์
อันดับ 5 เครื่องปรับอากาศ ชนิด FIXED SPEED (9,000 – 36,000 BTU/hr) 730 – 3,300 วัตต์
อันดับ 6 เครื่องปรับอากาศ ชนิด INVERTER (9,000 – 36,000 Btu/hr) 455 – 3,300 วัตต์
อันดับ 7 เครื่องซักผ้า (แบบตั้ง, ถังนอน) 450 – 2,500 วัตต์
อันดับ 8 หม้อหุงข้าวไฟฟ้า (1 – 3L) 450 – 1,000 วัตต์
อันดับ 9 ตู้เย็น (40 – 735 ลิตร, 1.4 – 26 คิว) 70 – 145 วัตต์
อันดับ 10 พัดลมไฟฟ้า (12 นิ้ว – 18 นิ้ว) 35 – 80 วัตต์
ทริคที่ใครๆต่างก็รู้ หากเราเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จะการันตีในเรื่องกินไฟน้อยและช่วยลดค่าไฟได้อีกด้วย ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการกินไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เหมือนกัน เช่น
บางคนชอบเปิดทิ้ง เปิดขว้าง ไม่ว่าจะแอร์ พัดลมหรือทีวี
สภาพไม่นางฟ้า (เตรียมกลับบ้านเก่า) เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผ่านการซ่อม ผุพัง อาการแบบนี้อาจส่งผลให้กินไฟมากกว่าปกติ
ขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้ากับขนาดบ้านและจำนวนคนก็มีผลเช่นกัน
แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า บางครั้งก็มีผลต่อการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละประเภทเหมือนกัน (แม่บ้านจะรู้ดี)
สุดท้าย .. ไม่ต้องมาบอกกันแล้วว่าประยัดไฟทำยังไง 1 2 3 4 5 ทุกคนรู้ โลกรู้กันอยู่แล้ว อยู่ที่เราแล้วแหละว่าจะเริ่มหรือยัง เริ่มจากเรื่องง่ายๆ … เริ่มจากถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังเลิกใช้งาน ปิดไฟก่อนออกจากบ้านก่อนเลย…