ไอแบงก์เปิดแผนลดหนี้เสียปีนี้  พร้อมให้บริการโมบายแบงก์กิ้ง Q3 

0
222
kinyupen

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) แถลงทิศทางธุรกิจของไอแบงก์ ปี 2566 เนื่องในวาระครบรอบ 20 ปีของธนาคาร 

ดร.ทวีลาภ  เปิดเผยว่า หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการไอแบงก์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ก็ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธนาคารให้ทบทวนแผนยุทธศาสตร์ธนาคาร โดยปรับวิสัยทัศน์ใหม่ “เป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์เพื่อความยั่งยืน” เพื่อยกระดับการบริการทางการเงินของธนาคารให้เท่าเทียมสถาบันการอื่น ยึดมั่นในหลักธรรมอิสลามหรือหลักชะรีอะฮ์ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกศาสนิก ตลอดจนดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี 

โดยแผนยุทธศาสตร์ด้านพันธกิจมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด ESG คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม ตอบโจทย์ความยั่งยืน  สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งเป็นพี่น้องมุสลิมและลูกค้าทั่วไป อาทิเช่น สินเชื่อบ้านมีหนี้ลด เป็นการช่วยเหลือลูกค้าลดภาระการผ่อนชำระหนี้ด้วยการรวมหนี้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้บุคคลเข้ากับหนี้ที่อยู่อาศัย ทำให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระในอัตราย่อมเยาและระยะเวลายาวนานขึ้น 

โครงการชุมชนซื่อสัตย์ เป็นสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมระดับฐานรากให้หลุดพ้นหนี้นอกระบบกลับมาอยู่ในระบบสถาบันการเงิน  

นอกจากนี้ ยังมี สินเชื่อธุรกิจฮาลาลครบวงจร จะสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจในตลาดธุรกิจฮาลาลแต่ยังขาดแหล่งทุน ขาดความรู้ความเข้าใจ เพื่อส่งเสริมต่อยอดให้เป็นผู้ประกอบการฮาลาลเต็มรูปแบบได้ 

สำหรับผู้ประกอบที่มีธุรกิจฮาลาลอยู่แล้ว ไอแบงก์จับมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วน ในการเพิ่มศักยภาพยกระดับสินค้าของผู้ประกอบการให้สามารถส่งออกไปนานาประเทศได้ ตลอดจนช่วยพัฒนาเป็นสินค้าฮาลาลเพื่อสังคมและยั่งยืน ด้านการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่มีแนวทางการพัฒนาภาคใต้ผ่านการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ธนาคารยังคงดำเนินการขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ให้มีแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ  

สำหรับยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจ ธนาคารเดินหน้าขยายสินเชื่อ SMEs ในกลุ่มธุรกิจเป้าหมายของธนาคาร ตลอดจนการทำ Synergy กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ส่วนสินเชื่อ Corporate ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวแล้ว ธนาคารก็ยังคงให้การสนับสนุนทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ สำหรับสินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มที่ธนาคารมุ่งเน้นและเติบโตได้ดีอยู่แล้ว จะประสานความร่วมมือกับบริษัทลูก หรือ บมจ.อะมานะห์ ลิสซิ่ง ในการแนะนำธุรกิจระหว่างกันเพื่อเป็นการ สร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPF) ด้วยการแก้ไขหนี้อย่างเบ็ดเสร็จ

ส่วนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาองค์กร ธนาคารจะใช้ระบบเทคโนโลยีและข้อมูลในการปฏิบัติงาน รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการบริการผ่านโมบายแบงก์กิ้ง โดยเป็นการพัฒนาผ่านความร่วมมือ (Synergy) กับธนาคารกรุงไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในไตรมาส 3 นี้แน่นอน

สำหรับทิศทางองค์กรในอนาคต ธนาคารตั้งเป้าสร้างกำไรอย่างยั่งยืนและเงินกองทุนเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดย ณ สิ้นปีมียอดสินเชื่อคงค้าง 62,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเติบโตประมาณ 10%  ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ มีอยู่ประมาณ  13,000 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้าลดลงให้ได้เหลือ 8,000 ล้านบาท โดยเป็นการลดลงของลูกหนี้รายใหญ่ 3-4 รายที่อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อฟื้นฟูกิจการให้กลับมาทำธุรกิจได้ตามปกติ

“ระบบการเงินอิสลามในประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก โดยเมื่อช่วงต้นปี ก.ล.ต. ก็อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวมอิสลาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนมุสลิมว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ ในส่วนของ 5 จังหวัดภาคใต้ของไทย มีมุสลิมอยู่ถึง2.5 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นลูกค้าของไอแบงก์เพียง 4 แสนคน จึงเชื่อว่า ไอแบงก์ยังมีโอกาสอีกมากในการขยายการให้บริการไปให้ถึงพี่น้องมุสลิม” ดร.ทวีลาภ กล่าว

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here