เพจ Bnomics ระบุว่า จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ของไทยมีการรับฝากเงินทั้งสิ้น 16,897,574 ล้านบาท ( หรือ 16 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 726,595 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.3% โดย 10 จังหวัดแรกที่มียอดเงินฝากสูงสุด ประกอบด้วย

อันดับที่ 1 กรุงเทพมหานคร เป็นจังหวัดที่มียอดเงินฝากสูงสุด ที่ 10,578,153 ล้านบาท เป็นอัตราเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 482,915 ล้านบาท
อันดับที่ 2 นนทบุรี มียอดเงินฝาก 586,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 10,181 ล้านบาท
อันดับที่ 3 สมุทรปราการ มียอดเงินฝาก 583,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 20,032 ล้านบาท
อันดับที่ 4 ชลบุรี มียอดเงินฝาก 551,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 34,171 ล้านบาท
อันดับที่ 5 ปทุมธานี มียอดเงินฝาก 345,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 12,705 ล้านบาท
อันดับที่ 6 เชียงใหม่ มียอดเงินฝาก 291,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 4,862 ล้านบาท
อันดับที่ 7 นครปฐม มียอดเงินฝาก 230,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 3,350 ล้านบาท
อันดับที่ 8 สมุทรสาคร มียอดเงินฝาก 196,036 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 9,420 ล้านบาท
อันดับที่ 9 สงขลา มียอดเงินฝาก 194,187 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 6,422 ล้านบาท
อันดับที่ 10 ระยอง มียอดเงินฝาก 190,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 8,325 ล้านบาท

จากตัวเลขสถิติเงินฝากดังกล่าว ประมาณได้ว่า เงินฝากคนไทยเพิ่มขึ้น น่าจะมีสาเหตุจากสภาพคล่องทางการเงินที่มีอยู่สูง ประกอบกับการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เมื่อผลตอบแทนเพิ่มก็น่าจะจูงใจให้มีการฝากเงินกับสถาบันการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า เงินฝากที่เพิ่มขึ้น และจังหวัดที่มีเงินฝากสูง ยังกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวง และจังหวัดปริมณฑล รอบ ๆ กรุงเทพ แสดงว่า ความมั่งคั่งยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ และชุมชนเมืองรอบ ๆ เมืองหลวง
สะท้อนได้ว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำของไทย น่าเป็นห่วง
ที่น่าห่วงกว่านั้น คือ ภาคอีสาน ไม่ติดอันดับเลยสักจังหวัด
คิดแล้ว.. เศร้า!!