ทุกวันนี้โรคภัยมาในหลากหลายรูปแบบ เราเองต้องปรับตัวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเข้าสู่ฤดูกาลไหน ก็ย่อมส่งผลต่อเชื้อไวรัสที่มีเอฟเฟกส์กับสภาพอากาศหรือรูปแบบการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน ล่าสุด กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต พบข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อ “โนโรไวรัส” (Norovirus) ที่เกิดการระบาดในกลุ่มเด็กนักเรียนจำนวนมากมาฝากค่ะ
โดยรายงานข่าว แจ้งว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยเด็กแทบทุกช่วงวัย จำนวนมาก ป่วยด้วยอาการ “อาเจียน-ท้องร่วงอย่างรุนแรง” ซึ่งลักษณะไข้าได้กับ การติดเชื้อ “โนโรไวรัส “ (Norovirus) โดยเชื้อนี้ติดทางการสัมผัสสิ่งของ ของกินที่ปนเปื้อนไวรัสนี้ แม้ปริมาณเชื้อไม่มาก แต่สามารถก่ออาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี อาจมีภาวะขาดน้ำรุนแรง เนื่องจาก ทานไม่ได้เพราะอาเจียน ร่วมกับถ่ายเหลวจำนวนมากอาการ หลักคือ อาเจียน ถ่ายเหลว ไข้ (อาจไม่มีก็ได้) หลังสัมผัส เชื้อไม่เกิน 24 ชม. อาการ อาเจียนจะรุนแรงมากช่วง 24 ชม. แรก จากนั้น ตามด้วยอาการถ่ายเหลว เป็นน้ำ ไม่มีมูกหรือเลือดปน ส่วนเด็กโตในวัยประถม อาจหายใน 2-3 วัน
การรักษา คือ รักษาตามอาการ ให้ยาลดอาการอาเจียน ให้สารน้ำเกลือแร่ ORS ในรายที่กินไม่ได้ อาจต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ โรคนี้สามารถติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ (ผู้สูงอายุและเด็กเล็กอาจจะมีอาการรุนแรง)
ป้องกันได้โดยยึดหลัก “สุกร้อน สะอาด”
เนื่องจากเป็นเชื้อก่อโรคในทางเดินอาหาร สามารถอยู่ในอุจจาระของผู้ป่วยและสิ่งแวดล้อมได้นานถึง 2 สัปดาห์ แพร่ระบาดได้ง่าย ไม่สามารถทำลายเชื้อได้ด้วยแอลกอฮอล์ได้
การติดต่อ
- การบริโภคอาหาร น้ำดื่ม และน้ำแข็งที่มีการปนเปื้อนเชื้อ
- การหายใจเอาละจองฝ่อยของเชื้อ
- มือที่สัมผัสพื้นผิว ของเล่นที่ปนเปื้อน
- อาเจียนหรืออุจจาระแล้วหยิบอาหารเข้าปาก
อาการของโรค
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง
- อาจมีไข้ ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว
- ภาวะขาดน้ำ
เครดิตภาพปก : Selvanegra : Getty Images
เนื้อหา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข /คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี