ในโลกธุรกิจปัจจุบัน “การปรับตัว” ขององค์กร เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร คือ “Leadership” หรือ “ผู้นำ” ที่เปรียบได้เสมือน “โค้ช” คอยชี้แนะแนวทางการทำงาน และกำหนดกลยุทธ์เพื่อนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ๆ กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต ขอชวนผู้อ่านทุกท่านมาดูมุมมองของผู้นำองค์กรในหัวข้อนี้ไปพร้อมกัน
วันนี้ ขอนำเสนอมุมมองและแนวคิดของผู้นำองค์กร 3 ท่าน ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความท้าทายของผู้นำในโลกธุรกิจปี 2023 ผ่านเวทีเสวนาหัวข้อ “Leadership In 2023 Business World” จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ยิ่งตอกย้ำความเชื่อที่ว่า “การมีผู้นำที่ดี จะนำพาองค์กรให้ก้าวผ่านได้ทุกอุปสรรค”
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2023/02/Screenshot-2023-02-15-133756.jpg)
เริ่มจากเภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ สมูธอี และ เดนทิสเต้ ที่ดังไกลในต่างประเทศ กล่าวว่า “ผมมองว่า เรื่องของการบริหารคนภายในก็เหมือนการทำการตลาด ทั้งสองเรื่องเป็นศาสตร์ของการเข้าใจมนุษย์เหมือนกัน หากอยากให้เกิดความสำเร็จในองค์กร จำเป็นต้องบริหารคนให้มีความสุข เติมเต็มความต้องการและ Self-Actualization ของเขาให้ได้ความสำเร็จก็จะตามมา
ในทางธุรกิจหากอยากให้ยอดขายเพิ่ม ต้องเพิ่มที่ความเป็นผู้นำของผู้บริหาร แม้ในองค์กรจะมีความต้องการแตกต่างกันในแต่ละเจเนอเรชัน ก็ไม่ใช่เรื่องหนักใจ เพียงแต่ต้องมองความต้องการของแต่ละรุ่นแต่ละวัยให้เจอ เพราะพวกเขาจะมีความต้องการไม่เหมือนกัน และผู้นำต้องมีทักษะการสื่อสารด้วยความเข้าใจ (Emphathic Communication) เพื่อทำให้คนเปิดใจและรับรู้ความ สำคัญของการสื่อสารภายในเวลาสั้นๆ และอีกสิ่งที่สำคัญมากคือ มอบหมายงานหรือหน้าที่ให้ตรงกับความถนัดของแต่ละคน เรียกว่าผู้นำต้อง ดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น”
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2023/02/Screenshot-2023-02-15-133736.jpg)
ถัดมา คือ คุณณรงค์เวทย์ วจนพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า “สามอย่างที่ผู้นำต้องทำให้เป็น คือ ยุติธรรม – คุณธรรม – เที่ยงธรรม แต่เป็นการตีความในอีกแบบ คือ เรื่องแรกต้อง “ยุติ-ทำ” หมายถึงต้องกล้าที่จะไม่ลงมือทำเอง ปล่อยมือให้ลูกน้องทำเพื่อจะได้คิดตัดสินใจเป็น เรื่องที่สอง “คุณ-น่ะ-ทำ” ต้องปั้นคนให้เป็น พร้อมสอนงานและมอบหมายงานให้ทีมงานได้ทำ เป็นการให้โอกาสกับคนในทีม สุดท้ายต้อง “เที่ยง-ทำ” นั่นคือ การใช้เวลาช่วงเที่ยงออกกไปทานอาหารกลางวันเพื่อสร้างเครือข่าย ขยายเน็ตเวิร์ค ที่จะช่วยในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต เพราะความท้าทายในโลกธุรกิจวันนี้ เริ่มจากศูนย์ไม่ได้ทุกครั้ง ดังนั้น การปั้นผู้นำหลักสำคัญต้องให้เข้าใจก่อนว่า หน้าที่ของผู้นำไม่ใช่เก่งที่สุดในทีม และต้องทำสามอย่างนี้ให้เป็น”
สำหรับการบริหารทีมงานนั้น คุณณรงค์เวทย์ กล่าวว่า “ความท้าทายสำคัญคือ การทำให้ทีมเข้าใจในบริบทของธุรกิจตรงกัน ว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพื่อให้ปรับตัวได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้นำที่ต้องสื่อสารให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และนำไปส่งต่อได้ถูกต้องชัดเจน อย่างเช่นทำให้ทีมเข้าใจในเรื่องอายุและประสบการณ์ให้ถูกต้อง เพราะแก่ไม่ได้แปลว่าเก่ง แต่ประสบการณ์จากการทำงานจริงจะช่วยสร้างคุณค่าได้ในอนาคต โดยสิ่งที่น่าห่วง คือ ทีมขยันแต่ทำผิดเรื่อง ส่วนการบริหารธุรกิจ ผู้นำต้องเข้าไปศึกษาปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น ทำความเข้าใจกับธุรกิจของตัวเองและบริบทต่าง ๆ ที่สำคัญต้องพร้อมปรับเปลี่ยนตลอดเวลา”
![](https://kinyupen.co/wp-content/uploads/2023/02/Screenshot-2023-02-15-133719.jpg)
มุมมองสุดท้ายจากผู้บริหารองค์กรขนาดใหญ่ คุณธิติพร ธรรมาภิมุขกุล Chief Marketing Officer บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “ผู้นำในยุคนี้ ต้องรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ สิ่งไหนควรสร้างใหม่ และสิ่งไหนควรหยุด ทั้งในมุมการบริหารและการทำงาน ผู้บริหารต้องอย่าทำเองทุกเรื่อง เรื่องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ต้องเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่คิด เพราะเขาสร้างสิ่งใหม่ได้เก่งกว่าเรา และที่สำคัญ ต้องรับฟังความคิดเห็นจากทีมงานให้มาก ให้คนรุ่นใหม่กล้าออกความคิดเห็น เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนเราก็ต้องหาผู้เล่นมาใหม่ เพื่อจะได้มีหลากหลายมุมมองให้เลือกก่อนตัดสินใจ แล้วใช้คนเก่าเป็นที่ปรึกษา แต่บทบาทของผู้นำต้องเป็นผู้ตัดสินใจในการหยุดสิ่งเก่าหรือเลิกบางอย่างเพื่อทำสิ่งใหม่ๆ การตัดสินใจนี้ คือหน้าที่ของผู้บริหาร”