ผลการสำรวจประจำปีชี้ นิวยอร์กและสิงคโปร์ ครองแชมป์เมืองค่าครองชีพสูงสุดในโลกเหตุเงินเฟ้อพุ่งสูงในปีนี้
อีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิต (EIU) ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในกรุงลอนดอน เผยรายงาน ดัชนีค่าครองชีพโลก ประจำปี พบว่า นิวยอร์กและสิงคโปร์ ร่วมกันครองอันดับหนึ่งเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก เบียดเทลอาวีฟแชมป์เก่าลงไปอยู่อันดับสาม สาเหตุมาจากสงครามในยูเครน ข้อจำกัดเพื่อคุมโควิดที่ยังคงดำเนินอยู่สร้างความปั่นป่วนให้กับซัพพลายเชนโดยเฉพาะอาหารและพลังงาน โดยนิวยอร์กติดท็อปเป็นครั้งแรก ขณะที่ดามัสกัสและตริโปลียังคงเป็นเมืองค่าครองชีพต่ำสุดในโลก
ผลการสำรวจของ EIU ระหว่างเดือน ส.ค.และ ก.ย. พบว่า ราคาสินค้าใน 172 เมืองใหญ่ที่สำรวจพุ่งขึ้นเฉลี่ย 8.1%
นอกจากนี้การที่เงินดอลลาร์แข็งค่ามีผลต่อการจัดอันดับด้วย เนื่องจากราคาสินค้ารวม 50,000 รายการทั่วโลกถูกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์
ปีนี้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมาก เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพื่อพยายามสกัดเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบหลายสิบปี
ส่วนการจัดอันดับนอกจากนิวยอร์กแล้ว ลอสแองเจลิสและซานฟรานซิสโกก็ขยับขึ้นมาติดอันดับท็อปเท็น เมืองที่ขยับขึ้นมามากที่สุดคือมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พุ่งขึ้นมา 88 และ 70 อันดับ ตามลำดับ เนื่องจากราคาสินค้าพุ่งสูงมากท่ามกลางการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและตลาดพลังงานเฟื่องฟูหนุนเงินรูเบิล
อุปัสนา ดัตต์ หัวหน้าการวิจัย ระบุ “สงครามในยูเครน ตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน เป็นเหตุให้เกิดปัญหาซัพพลายเชนที่ผสมผสานกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยน ส่งผลให้เกิดวิกฤติค่าครองชีพทั่วโลก เราเห็นผลกระทบได้ชัดในดัชนีปีนี้ ที่ค่าเฉลี่ยราคาเพิ่มขึ้นทั่ว 172 เมืองที่เราสำรวจ รุนแรงที่สุดที่เราเคยเห็นในรอบ 20 ปีเท่าที่เรามีข้อมูลดิจิทัล”