เมื่อไวรัสโควิดเริ่มมีการกลายพันธุ์ ชุดตรวจที่เราเคยใช้นั้น บางยี่ห้อก็ไม่สามารถตรวจหาเชื้อได้แล้ว ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มีการตรวจหาเชื้อจากชุดตรวจ ATK รุ่น 2
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้มีการโพสต์เพจเฟซบุ๊กในชื่อ : Anan Jongkaewwattana โดยมีเนื้อหาดังนี้
พอดีผมได้มีโอกาสเป็น Reviewer ให้กับ Paper ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกมาใน Frontiers in Virology เกี่ยวกับ สายพันธุ์ไวรัสที่อาจจะใช้ชุดตรวจบางยี่ห้อไม่พบ เห็นว่าข้อมูลน่าสนใจดีครับ
มีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนของโปรตีน N ของไวรัส
ทีมวิจัยนี้เป็นกลุ่มจากเยอรมันพบว่า สายพันธุ์ไวรัส SARS-CoV-2 ที่มีการเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนของโปตีน N โดยเฉพาะ
ตรงตำแหน่งที่ 203 โดยเปลี่ยนจาก Arginine (R) ไปเป็นตัวอื่นเช่น Lysine (R203K), Methionine (R203M) โดย
เฉพาะ R203M ซึ่งพบได้บ่อยในหลายๆสายพันธุ์ ส่งผลให้การตรวจหาไวรัสด้วย ATK บางยี่ห้อจะตรวจไม่พบ หรือ ตรวจได้ประสิทธิภาพที่ต่ำลงมากๆ สาเหตุเป็นเพราะว่า เอนติบอดีที่ใช้ในการจับโปรตีน N ในชุดตรวจเหล่านั้น จับโปรตีนที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้แล้ว
ชุดตรวจต้องปรับเป็นรุ่น 2
เราไม่ทราบว่าแต่ละบริษัทผลิตแอนติบอดีต่อ N มาใช้ในชุดตรวจของตัวเอง หรือ บริษัทใช้วิธีซื้อแอนติบอดีจากผู้ผลิตแล้วนำมาประกอบเป็นชุดตรวจขาย ซึ่งราคาจะถูกกว่าแบบแรกในกรณีที่เป็นแบบแรก บริษัทน่าจะมีตัวเลือกในการเปลี่ยนโคลนที่จำเพาะขึ้นในกรณีที่เชื้อหนีแอนติบอดีได้ปรับเป็น version 2 ได้ไวเนื่องจากมีตัวเลือกของแอนติบอดีให้ใช้ยอะ แต่ถ้าเป็นแบบหลังจะเป็นปัญหาครับ เพราะเอนติบอดีโคลนที่ขายเป็นBulk ขนาดใหญ่คงไม่หมดไปง่ายๆ ถ้าจะซื้อตัวใหม่ราคาจะสูงขึ้นกว่าของเดิมแน่นอน
ดังนั้นจะหมายถึงคุณภาพของชุดตรวจ ที่จะแตกต่างกันในอนาคต ถ้าเชื้อที่ตรวจไม่พบด้วยแอนติบอดีตัวเดิมมีมากขึ้น และกลายเป็นสายพันธุ์หลัก การตรวจสอบคุณภาพคงต้องทำอย่างต่อเนื่องครับ เพราะแนวโน้มไวรัสจะเปลี่ยนต่อไปอีกแน่นอน ถ้า AT K ยังจำเป็นอยู่ ประเด็นนี้สำคัญครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก FB : https://www.facebook.com/anan.jongkaewwattana
