บิทคับฮึดสู้”ไม่จ่าย-ไม่ออก” ก.ล.ต.เตรียมส่งฟ้องศาล

0
543
kinyupen

ปีนี้คงเป็นปีแย่ ๆ สำหรับชาวบิทคับที่แท้ทรู เพราะโดนข่าวร้ายถล่มซ้ำแล้วซ้ำอีก

เริ่มจากดีลแห่งปีมีอันล้มครืน เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ แจ้งยกเลิกการเข้าซื้อหุ้นบิทคับ เงินที่คาดว่าจะได้รับ 17,850 ล้านบาท หายวับไปกับตา

ถัดมาอีกไม่กี่วัน ผู้บริหารระดับสูง คือ นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท บิทคับ บล็อกเชน เทคโนโลยี จำกัด ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพยและตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ลงโทษปรับ 8,530,383 บาท พร้อมห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร นาน 12 เดือน ในข้อหาเป็นบุคคลที่รู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน และมีการเข้าซื้อเหรียญบิทคับ (เหรียญ KUB) พูดง่าย ๆ คือ ข้อหาอินไซเดอร์เทรดดิ้ง นั่นเอง

แต่ๆๆ เรื่องไม่จบง่าย ๆ เพราะบิทคับฮึดสู้ ไม่ยอมจ่ายค่าปรับ ไม่ยอมออกจากตำแหน่ง

โดยวันที่ 30 สิงหาคม 2565 บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก “Bitkub Chain” ว่า นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี ยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งตามปกติจนกว่าจะเกิดความชัดเจนในกระบวนการทางกฎหมาย

บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain และการดำเนินการของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน นายสำเร็จยังได้โพสต์ในเฟซบุคส่วนตัวด้วยว่า ตามที่ ก.ล.ต. ได้กล่าวหาเรื่องการใช้ข้อมูลภายในสำหรับการซื้อเหรียญ KUB ระหว่างวันที่ 4 กันยายน 2564 จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 นั้น ตนอยากจะใช้ช่องทางนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและความบริสุทธิ์ใจ ดังนี้

“ผมรู้กฎหมายเรื่อง Insider trading เป็นอย่างดีว่า เวลาผมทำโปรเจกต์ ผมก็จะซื้อ KUB ไม่ได้ ดังนั้น ผมจะมีช่วงเวลาสั้นๆ หลังโปรเจกต์เปิดตัว และยังไม่ได้เริ่มโปรเจกต์ใหม่ ที่ผมจะลงทุนซื้อ KUB ได้ โดยก่อนหน้าช่วงเวลาดังกล่าว ผมอยากซื้อ KUB ในราคาที่ต่ำกว่า 30 บาท แต่ซื้อไม่ได้เนื่องด้วยผมทำโปรเจกต์ Morning Moon ก่อนหน้านี้

สุดท้ายผมรอโปรเจกต์ Morning Moon เปิดตัวเลยต้องซื้อ KUB ได้ที่ราคา 30 บาท – 32 บาท เพราะหากไม่ซื้อภายในช่วงเวลาดังกล่าว ผมก็จะต้องเริ่มโปรเจกต์ใหม่ และจะทำให้ผมไม่สามารถซื้อ KUB ได้อีกนาน”

“ส่วนเวลาก่อนหน้านี้ก็ซื้อเพื่อแลกเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange ทันทีช่วงเวลาที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษ ผมเป็นผู้บริหาร BBT ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับ Exchange ดังนั้น ผมกล้าพูดได้ว่า ผมไม่รู้เรื่อง SCB Deal ใดๆ ทั้งสิ้น

ถ้าผมรู้ผมคงขาย WAN, SNT, BNB, Ethereum ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาทแล้ว และคงลงเงินกับ KUB ไปให้หมดไปแล้ว ซึ่งจำนวนเงินที่ผมลงทุนใน KUB ก็ใกล้เคียงกับเหรียญอื่นๆ ที่ผมมีส่วนตัวแล้ว เป็นจำนวน 60,000 KUB ผมมองว่าจำนวนไม่ได้ผิดแปลก แต่เป็นความบังเอิญที่เป็นเวลาที่เค้าทำ Deal กันพอดี”

“การซื้อเหรียญ KUB ของผมมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนระยะยาว ดังจะเห็นได้ว่า หากผมซื้อเหรียญ KUB โดยมีเจตนาที่จะมุ่งหวังทำกำไรระยะสั้นแล้ว ผมคงเทขายเหรียญ KUB ทั้งหมดเพื่อทำกำไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ผมยังไม่ได้ขายเหรียญ KUB ดังกล่าวเพื่อทำกำไรแต่อย่างใดจนถึงวันนี้ที่ผมพิมพ์ มีส่วนหนึ่งที่เอาไปแลกค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange เท่านั้น”

“เรื่องราวทั้งหมดผมได้บอก ก.ล.ต. แล้วแต่ทาง ก.ล.ต. ก็ยังตัดสินลงโทษอยู่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าผมกระทำผิด ผมจึงจะขอต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ผมขอยืนยันว่า ผมบริสุทธิ์ใจและยืนหยัดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของ Bitkub Chain ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ดีและได้มาตรฐานเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานอย่างแพร่หลาย”

บทความที่เกี่ยวข้อง

นั่นหมายความว่า ระหว่างก.ล.ต.กับบิทคับ มีภาคต่อแน่นอน แต่จะจบลงแบบไหน ต้องดูกันยาว ๆ

เพราะตามมาตรา 317/8 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ระบุว่า หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งน่าจะเป็นค่าปรับที่สูงกว่า 8.5 ล้านบาทแน่นอน เพราะตามกฎหมายยังกำหนดให้สามารถคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจบจากคดีแพ่งแล้ว ก็ยังให้สิทธิดำเนินการคดีอาญาต่อได้อีกด้วย

กลัวจริง ๆ ว่า งานนี้เข้าทำนอง “เสียน้อยเสียยาก กลัวจะเสียมาก ยังไงไม่รู้”

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here