เกิดเป็นคนย่อมมีสุขทุกข์ปนกันไป แต่ต้องมีบ้างที่ได้เจอกับมรสุมชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้าง เลิกกับแฟน ตกงาน เจ็บป่วย ต่อสู้กับโรคร้าย หรือคนรักจากไป จนกระทั่งแอบคิดว่าทำไมต้องเป็นเรา เราช่างเป็นคนที่ซวยที่สุดในโลก แต่ในโลกที่ช่างซับซ้อนนี้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องยอมแพ้
กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตชวนทุกคนตั้งสติ แล้วฟันฝ่าเรื่องแย่ๆ เหล่านี้ไปให้ได้ ก่อนอื่นต้องเตือนตัวเองเสมอด้วย 5 ข้อต่อไปนี้
1.เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นกับทุกคน
เราไม่ใช่คนที่ซวยที่สุดในโลก แต่เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับคนทั่วๆ ไป ใช้โอกาสนี้ในการค้นหาจิตวิญญาณของตัวเอง แล้วจะพบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา และผู้คนที่พบเจอเหตุการณ์เดียวกันนี้เขาผ่านกันมาได้ สถานการณ์แบบนี้เขาผ่านมาหมดแล้วทั้งนั้น
2. เรามีเรื่องต้องขอบคุณเยอะมาก
แม้ว่าเราจะสูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นงาน คนรัก หรืออะไรก็ตาม แต่เรายังมีสิ่งที่ต้องขอบคุณอยู่อีกเยอะมาก เช่น ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือสุขภาพ หากเราตกงานแต่สุขภาพเรายังดีอยู่ นี่คือสิ่งที่โชคดี
ช่วงเวลาแย่ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราหันกลับมาปรับลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ การต้องผ่านสถานการณ์ร้ายๆ เราต้องรู้จักเอาของที่เรามีเป็นจุดเด่นให้รอดพ้นมาให้ได้ และต้องขอบคุณของเหล่านี้ด้วย
เวลาคุณผ่านมรสุมชีวิตหนักๆ คุณจะเห็นค่าในตัวเองมากขึ้น แล้วคุณจะรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย คุณจะมีความเอื้ออาทร ความเมตตาต่อคนอื่นมากขึ้น
3. เรื่องยากๆ จะทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น
จริงอยู่ว่าเรื่องแย่ๆ เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ให้จำไว้ว่าหากคุณผ่านวันยากๆ เหล่านี้มาได้แล้ว ในที่สุดคุณจะแข็งแกร่งมากขึ้น และประสบความสำเร็จมากขึ้นในระยะยาว เพราะมันเป็นภูมิต้านทานให้จิตใจเราเข้มแข็งมากขึ้น มั่นใจมากขึ้นในการแก้ปัญหา เมื่อมีปัญหาในอนาคต เราจะสามารถทำเรื่องนี้ได้ดีขึ้น
4. มันเป็นกระบวนการการเรียนรู้
บางครั้งเรื่องแย่ๆ ที่มันเกิดขึ้นมา อาจมีสาเหตุจากตัวเราเองก็ได้ จึงเป็นการเรียนรู้ว่าต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไร เช่น อาจเกิดจากช้อยส์ที่เราตัดสินใจเลือกผิด และถึงแม้ว่ามันไม่ได้เกิดจากตัวเอง แต่เกิดจากคนอื่น มันก็เป็นตัวเผยมุมมองว่าโลกนี้เป็นแบบไหน คนอื่นเป็นอย่างไร ทุกๆ อย่างเป็นการเรียนรู้ทั้งสิ้น
ความล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าคุณมาผิดทาง เพราะในทางที่คุณมาประตูหนึ่งจะปิด ส่วนอีกประตูหนึ่งจะเปิดเสมอ โอกาสจะเกิดขึ้นในเวลาแบบนี้
5. ทุกอย่างบทโลกใบนี้เป็นของชั่วคราวทั้งสิ้น
ความสุข ความทุกข์ คนที่อยู่กับเรา แม้กระทั่งตัวเราเองด้วย เป็นสิ่งชั่วคราวหมด ฉะนั้น “ของที่ดี และของที่ร้ายทุกอย่าง เดี๋ยวมันก็จะต้องจบลง” แล้วนั่นก็คือความจริงของชีวิต
นิทานธรรมะสอนใจ “แล้วมันจะผ่านพ้นไป”
ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งมีพระราชาหนุ่มปกครองประเทศ เมื่อใดบ้านเมืองประสบกับเรื่องดีๆ พืชผลสมบูรณ์ ก็จะให้มีการเฉลิมฉลองกันเต็มที่ แต่เมื่อใดที่บ้านเมืองเจอ วิกฤต ภัยแล้ง น้ำท่วม และประชาชนเดือดร้อน ก็เอาแต่จมกับความทุกข์ ทรงเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมทำอะไร
เสนาบดีผู้เฒ่าเห็นดังนั้นเลยคิดว่าจะต้องหาวิธีช่วยพระราชา แต่ด้วยทรงเป็นพระราชา จึงไม่มีผู้ใดจะไปสั่งสอนพระองค์ได้ จึงสั่งทำแหวนขึ้นมา 1 วง เป็นแหวนทองเรียบๆ แต่บนตัวแหวนสลักคำว่า “แล้วมันจะผ่านพ้นไป” (this too shall pass) ถวายให้พระราชาทรงสวมเอาไว้
ทุกครั้งที่เกิดเรื่องร้ายๆ พระราชาหนุ่มจะมองไปที่แหวน แล้วเห็นคำว่า “แล้วมันก็จะผ่านพ้นไป” มันทำให้พระองค์เกิด “ความหวัง” ว่าเรื่องร้ายๆนี้ ก็จะผ่านพ้นไป และทรงมี “กำลังใจ” ที่จะต่อสู้และแก้ปัญหาต่อไป
และเมื่อยามใดที่ ทรงพบกับความสุข ก็จะมองแหวนแล้วเตือน ตัวเองว่า “อย่าประมาท” เพราะความสุข ก็จะ “ผ่านพ้นไปเช่นเดียวกัน” มันทำให้พระองค์ ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดี เพื่อจะได้พร้อมรับมือ กับสิ่งไม่ดีที่อาจจะตามมา
ทุกอย่างในชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ล้วนแล้วแต่ “ผ่านพ้นไปทั้งสิ้น”
อย่าเสียใจนานเมื่อเจอความทุกข์
และอย่าดีใจมากเมื่อเจอความสุข
ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง เช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ที่ต้องพบเจอกับโลกธรรมแปด คือเมื่อมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์เป็นธรรมดา
และนี่คือเรื่องที่เราต้องจดจำไว้เมื่อเราเจอช่วงเวลายากๆ ของชีวิต หากใครคิดว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ สามารถแชร์ให้เพื่อนฝูงที่กำลังเป็นทุกข์ หรือส่งต่อให้คนที่คุณรัก เพื่อเป็นพลังใจให้กันและกัน กินอยู่เป็นทำได้เพียงส่งกำลังใจให้คุณอยู่ตรงนี้ และขอให้ทุกคนหลุดพ้นเรื่องแย่ๆ ไปให้ได้นะคะ
กินอยู่เป็นขอขอบคุณข้อมูลจาก