หน้าร้อนทีไร ค่าไฟพุ่งทุกที กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมี 5 วิธีประหยัดไฟบ้าน ด้วยการลดบ้านร้อน จาก Delight Magazine มาฝากค่ะ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดค่าไฟฟ้าเป็นสิ่งที่หลายคนทำกันอยู่ แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจลดค่าไฟได้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ฉบับนี้เราจะมาแนะนำแนวทางการปรับบ้านอย่าง Smart Living ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาผนวกร่วมกับบ้านของเรา ช่วยให้บ้านเย็นและประหยัดค่าไฟอย่างยั่งยืนและอาจช่วยลดค่าไฟจากเดิมได้ 50 – 70 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
อะไรคือต้นเหตุของค่าไฟแพง?
ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นมาก เกิดจากการใช้งานเครื่องไฟฟ้าที่มีกำลังวัตต์สูง และเปิดใช้งานต่อเนื่องยาวนาน อย่างเครื่องปรับอากาศ ยิ่งบ้านร้อนเท่าไร เราก็ยิ่งเปิดนานขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นเรามาเริ่มทำให้บ้านเย็น อยู่สบายเพื่อลดความร้อน รวมถึงลดการใช้ไฟกันดีกว่า
5 วิธีลดบ้านร้อน
1. บังแดดให้บ้าน ประหยัดค่าไฟด้วยกลไกธรรมชาติ
การลดปริมาณแสงแดดที่สาดส่องมาทางหลังคาและผนังบ้าน เพื่อไม่ให้บ้านมีการสะสมความร้อนมากจนเกินไป ซึ่งหากเป็นบ้านใหม่ การออกแบบรูปทรงหลังคาล้วนมีผลต่อการสะสมความร้อนภายในบ้าน โดยหลังคาที่ดีจะต้องมีโถงหลังคาสูง มีชายคายื่นยาวประมาณ 1 – 1.5 เมตร
ส่วนบ้านเก่าหรือบ้านสร้างเสร็จแล้ว สามารถเพิ่มคุณสมบัติกันร้อนด้วยการติดตั้งฉนวนกันร้อนใต้หลังคาบ้าน
ส่วนความร้อนที่เข้าผ่านผนังบ้าน มักมีผลกับทิศตะวันตกและทิศใต้ หากบ้านของเรามีพื้นที่ข้างบ้านเหลือประมาณ 3 เมตรขึ้นไป แนะนำให้ปลูกไม้ยืนต้นฝั่งทิศใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันตก เพื่อให้ต้นไม้ช่วยบดบังแสงแดด ให้ร่มเงากับตัวบ้าน และยังช่วยกรองลมร้อนให้เย็นลงก่อนพัดเข้าสู่ตัวบ้านอีกด้วย
หากมีพื้นที่ว่างน้อย การปลูกต้นไม้อาจทำได้ลำบากแนะนำให้ติดตั้งระแนงบังแดดเสริม โดยออกแบบระแนงให้เหมาะสมกับองศาแดดในแต่ละช่วงเวลา โดยเลือกติดตั้งระแนงบังแดดตามแนวนอนในทิศเหนือและทิศใต้ ส่วนระแนงแนวตั้งเหมาะกับทิศตะวันออกและทิศตะวันตกส่วนทิศที่อยู่กึ่งกลาง เช่น ตะวันออกเฉียงใต้ สามารถใช้ได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนหรือลักษณะผสม
2.เมื่ออากาศถ่ายเทได้ ภายในบ้านก็อยู่สบาย
หากปิดประตูหน้าต่างทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน ไม่มีอากาศใหม่ให้หมุนเวียนเลย ย่อมส่งผลให้ความร้อนเกิดการสะสมตัวมาก การอยู่อาศัยภายในบ้านที่ถูกวิธีจำเป็นจะต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศหมุนเวียน “โดยหลักการหมุนเวียนอากาศจะต้องมีช่องลมเข้าและช่องลมออกเสมอ”
ดังนั้นหากกลับมาบ้านแล้วรู้สึกว่าภายในบ้านร้อนอบอ้าวมาก ให้รีบเปิดหน้าต่างก่อนที่จะใช้แอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไปและช่วยลดค่าไฟไปได้มาก หรือปรับเปลี่ยนบานหน้าต่างบางบานให้มีฟังก์ชันระบายอากาศได้ เช่น เลือกใช้หน้าต่างบานเกล็ดที่ช่วยให้เปิดรับลมธรรมชาติได้ และยังให้ความปลอดภัยไปในตัว
อีกวิธีที่ช่วยกระตุ้นกลไกการหมุนเวียนอากาศภายในบ้านได้คือ การติดตั้ง SCG Active AIRflow System ระบบที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้บ้านเกิดการหมุนเวียนอากาศ แม้จะปิดประตูหน้าต่างทุกบานก็ตาม ระบบดังกล่าวใช้กลไกธรรมชาติโดยการออกแบบช่องลมเข้าผ่านทางผนังบ้าน มีพัดลมดูดอากาศติดตั้งบริเวณฝ้าเพดาน เพื่อดูดอากาศร้อนที่สะสมภายในบ้านออกทางช่องระบายอากาศที่ติดตั้งไว้บนหลังคาบ้าน
วิธีการนี้ไม่เพียงแค่ลดความร้อนภายในบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนป้องกันไม่ให้ความร้อนที่สะสมใต้โถงหลังคาแผ่รังสีเข้ามาภายในบ้านอีกด้วย
3. เลือกสีดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
เฉดสีมีผลต่อการดูดซับและสะท้อนความร้อน โดยสีที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดีจะเป็นสีโทนสว่าง เช่น ขาว ครีม ฟ้า หรือสีใด ๆ ก็ตามที่มีความอ่อน การเลือกสีทาบ้านรวมทั้งสีหลังคาบ้าน แนะนำให้เลือกสีโทนอ่อนจะช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ดีกว่าสีโทนเข้ม
แต่หากต้องการเลือกใช้สีโทนเข้ม แนะนำให้เจาะจงสีที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อน เพราะสีประเภทนี้ผู้ผลิตจะเพิ่มสารเคลือบพิเศษ เช่น เซรามิก Titanium Dioxide รวมทั้งการผลิตที่ให้เม็ดสีที่มีความเกลี้ยงของผิว จึงช่วยสะท้อน UV ได้ดีกว่าสีทั่วไป
การเลือกสีทาบ้านไม่ได้มีผลเฉพาะภายนอกเท่านั้น หากภายในบ้านเลือกใช้โทนสีสว่างอย่างสีขาว จะช่วยให้ภายในมีความสว่างมากกว่าการใช้สีโทนมืด และจะช่วยลดอัตราการเปิดดวงไฟได้ดีกว่า
4.เปลี่ยนแดดร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า
การนำแสงแดดมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าทดแทนด้วยแผงโซลาร์เซลล์ สามารถลดค่าไฟรายเดือนจาก
ค่าไฟปกติได้ประมาณ 40 – 60 เปอร์เซ็นต์ โดยจะลดได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตไฟฟ้าและช่วงเวลาของการใช้งาน บ้านที่เหมาะสมกับการติดตั้งโซลาร์เซลล์คือ บ้านที่มีผู้อยู่อาศัยหรือใช้งานไฟฟ้าช่วงกลางวันหรือมีเครื่องใช้ไฟฟ้าใด ๆ ที่ต้องเปิดใช้งานตลอดเวลา
เช่น ระบบงานสระว่ายน้ำ หลังคาบ้านหันฝั่งทิศใต้หรือทิศตะวันตก ไม่มีอาคารสูง ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาช่วยบดบังแสงแดด เนื่องด้วยโซลาร์เซลล์รับพลังงานได้ดีที่สุดทางทิศใต้ รองลงมาคือทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตก
โดยเฉพาะบ้านที่มีค่าไฟฟ้า 2,000 – 3,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ยิ่งค่าไฟรายเดือนสูงมากก็ยิ่งคุ้มทุนไว
5. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดค่าไฟตั้งแต่ต้น
การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติประหยัดค่าไฟตั้งแต่ต้น ช่วยประหยัดค่าไฟในระยะยาวได้ดีกว่า หากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป แนะนำให้เลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 กำกับด้วยเสมอ
ส่วนเครื่องปรับอากาศควรเลือกรุ่นที่ใช้ระบบ Inverter เท่านั้น โดยเฉลี่ยรุ่น Inverter ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่ารุ่นทั่วไปประมาณ 40 – 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากเปิดใช้งานทุกๆ วัน ไม่เกิน 1 ปี ส่วนต่างค่าไฟก็อาจคุ้มทุนส่วนต่างค่าเครื่องปรับอากาศแล้ว เท่ากับส่วนปีที่เหลือคือกำไร
เมื่อบ้านถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับกลไกธรรมชาติและสอดประสานตัวช่วยซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่เข้าไปอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้นอกจากค่าไฟฟ้าที่ลดน้อยลงอย่างยั่งยืน ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแล้วยังพ่วงคุณภาพชีวิตในการอยู่อาศัยภายในบ้านให้สบายทั้งกาย สบายทั้งใจ นับเป็นวิถี Smart Living อย่างแท้จริง
Customer and Brand Management Office, SCE Cement-Building Materials. (2565, กรกฎาคม – กันยายน). “H.O.M.E.,” Delight Magazine. 21 (3) : 44–46