ลงทุนที่ไหนก็ตึงเครียดทุกสินทรัพย์ ทั้งกองทุน ทั้งหุ้น ทั้งคริปโตฯ รู้ตัวอีกทีแดงก็ทั้งกระดาน บางคนเพิ่งขายไปไม่ทันไรราคาก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสงคราม ปัจจัยต่างๆ ที่ยังไม่คงที่อย่างดอกเบี้ย ค่าเงิน อัตราเงินเฟ้อที่ทำให้จับจังหวะได้ยาก
สถานการณ์ผันผวนสะเทือนพอร์ตแบบนี้ควรทำอย่างไรดี? กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิตมีคำแนะนำสำหรับการลงทุนในช่วงที่โลกปั่นป่วน พร้อมทางเลือกพักเงินด้วยการลงทุนความเสี่ยงต่ำมาฝาก โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ ต้องอ่านบทความนี้ไว้
แม้ตลาดผันผวนหนัก แต่ทำไมการถือเงินสดอยู่นิ่งๆ จึงไม่ดี
1. อัตราเงินเฟ้อ : เงินเฟ้อทำให้เงินของเรามีมูลค่าลดลง เช่น เงิน 30 บาท เคยซื้อข้าวได้ 1 จาน แต่เงิน 30 บาทปัจจุบันซื้อได้เพียงครึ่งจาน พูดง่ายๆ คือเราต้องจ่ายเงินของแพงขึ้น
โดยปกติประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี แต่ในปี 2565 นี้กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ที่ประมาณ 4-5 % (แค่อยู่เฉยๆ ก็ติดลบแล้ว 4%)
2. เงินไม่งอกเงย : ผลพวงจากอัตราเงินเฟ้อ ถ้าถือเงินสดเฉยๆ ไม่เอาไปต่อยอดให้ได้ดอกเบี้ยมีแต่จะขาดทุน ถ้าจะให้ชนะเงินเฟ้อก็ต้องลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า 4%!! ทั้งนี้ควรลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในสภาพการตลาดที่ตึงเครียด
3. ยิ่งมีเงินสด เงินยิ่งหมดเร็ว : เงินสดใช้ง่าย สภาพคล่องสูง เสี่ยงที่จะเสียเงินก้อนนั้นกับการใช้จ่ายเพราะคนส่วนใหญ่ห้ามใจตัวเองกับสิ่งล่อตาล่อใจไม่ค่อยได้
รวมทางเลือกพักใจ ย้ายเงินสดฝากไว้ในความเสี่ยงต่ำ
ช่วงตลาดการลงทุนตึงเครียดทุกสินทรัพย์ เรามาพักเงินระยะสั้น รอจังหวะตลาดฟื้นกันก่อน ยังพอมีทางเลือกลงทุนรูปแบบอื่นให้พอเบาใจกับเงินเฟ้อได้บ้าง เอาเฉพาะที่เงินต้นอยู่ครบแน่ๆ แต่ได้ผลตอบแทนสมน้ำสมเนื้อมาฝาก ดังนี้
1. กองทุนตราสารหนี้
กองทุนตราสารหนี้ มีจุดเด่นตรงที่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย (มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 4 จากทั้งหมด 8 ระดับ) แต่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอเฉลี่ยที่ 2-5% สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปที่ให้ดอกเบี้ยประมาณ 0.3 – 0.5%
แนะนำ 10 กองทุนตราสารหนี้ โดย Finnomena
- SCBFST : กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: ต่ำกว่า 3 เดือน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท - TUSFIX : กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ตราสารหนี้ระยะสั้น
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 1 – 3 เดือน
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท - KTILF : กองทุนเปิดกรุงไทยอ้างอิงเงินเฟ้อ
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 – 5 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท - WE-INCOME : กองทุนเปิด วี ฟิกซ์ อินคัม
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท - KKP PLUS : กองทุนเปิดเคเคพี ตราสารหนี้พลัส
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1,000 บาท - ONE-FIXED-A : กองทุนเปิด วรรณ ชอร์ตเทอม ฟิกซ์ อินคัม ชนิดหน่วยลงทุน A
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1 บาท - ASP-DPLUS : กองทุนเปิด แอสเซทพลัส ตราสารหนี้ เดลี่ พลัส
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 100 บาท - ONE-FAR : กองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 1 – 3 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 5,000 บาท - LHSTPLUS-A : กองทุนเปิด แอล เอช ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส ชนิดสะสมมูลค่า
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 1บาท - KT-ST : กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ระยะสั้น
อายุเฉลี่ยของทรัพย์สินที่ลงทุน: 3 เดือน – 1 ปี
มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกและครั้งถัดไป: 10,000 บาท
2. หุ้นกู้
หุ้นกู้ คือ “ตราสารหนี้” ที่ออกโดยภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่างๆ ของบริษัท ซึ่งปี 2565 นี้ธุรกิจยักษ์ใหญ่แห่ขายหุ้นกู้ตุนสภาพคล่องกันเพียบ แถมหุ้นกู้บางบริษัทมีขายในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ด้วย ทำให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น เช่น
- บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นกู้อายุ 7 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ AAA ให้กับนักลงทุนทั่วไป ดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี
- บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นกู้อายุ 5 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ให้กับนักลงทุนทั่วไป ดอกเบี้ย 3.10% และแบ่งเสนอขายบนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ด้วย
ส่วนที่เสนอขายนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่มี 4 รุ่น คือ อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.03%, อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.17%, อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.52% และ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.86% ต่อปี - บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) เจ้าของโครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (นอนเรต) รุ่นอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.75% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 7.10% ต่อปี
- บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ออกขายหุ้นกู้ดิจิทัล อายุ 5 ปี อันดับความน่าเชื่อถือ A+ บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง แก่นักลงทุนทั่วไป จ่ายดอกเบี้ย 3.25% ต่อปี
ผลตอบแทนสูงขนาดนี้ ติดตามข่าวไว้ให้ดีเพราะหุ้นกู้จะมีออกมาเรื่อยๆ จองให้ไว จองให้ทันนะคะ
ที่มา : FINNOMENA, หุ้นกู้ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (infoquest.co.th)