กูรูชี้ปีหน้า Recession เตรียมพร้อมรับแรงกระแทก!!

0
560
kinyupen

ยุคอะไรเนี่ย!! เมื่อเงินเฟ้อพุ่ง น้ำมันแพง ข้าวของแพง ตอนนี้มีแต่ข่าวสินค้าตัวนั้นตัวนี้ราคาขยับพรวด ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ในทางตรงกันข้าม หุ้นตก คริปโตร่วง ทองเดี๋ยวบวกเดี๋ยวลบ เอ๊ะ..ยังไงๆๆ ใครจะหาคำตอบได้ว่า อนาคตของเราจะอยู่จะกินกันยังไง

ข้อมูลจากสิ่งที่คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ตลาดทุน เขียนวิเคราะห์ไว้ในเพจ Bnomics ว่า Recession is Coming!!! สิ่งที่ตลาดกังวลใจอยู่ในขณะนี้ ก็คือ สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อจะจบลงด้วยการเกิด Recession หรือเศรษฐกิจติดลบ แม้ท่านประธานเฟดจะพูดย้ำอยู่เสมอว่า “เฟดเอาอยู่” “เศรษฐกิจสหรัฐรับได้” “เฟดพยายามจะ Soft landing” “เฟดยังไม่เห็น Recession” แต่ตลาดก็ไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ท่านประธานเฟดพูด ล่าสุด 61% ของ CEOs ที่สำรวจโดย The Conference Board (ผู้พัฒนาดัชนีหลักทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดัชนีความมั่นใจของ CEOs เป็นต้น) คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแย่ลงจากช่วงก่อนหน้า 68% คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะนำไปสู่ Recession ต่อไป ด้านนักเศรษฐศาสตร์ก็เช่นกัน ทาง Bloomberg ได้สำรวจกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์พบว่า ประมาณ 30% คิดว่าจะเกิด Recession ในปีหน้า

สำนักวิจัยจากธนาคารและสถาบันการเงินใหญ่ๆ บางแห่ง เช่น Deutsche Bank, Wells Fargo เริ่มฟันธงว่าจะเกิด Recession เริ่มใช้กรณีเกิด Recession เป็น Baseline ในการเตรียมการดำเนินธุรกิจ ขณะที่บางแห่ง ที่ยังแอบหวังว่าจะเฟดสามารถบริหารจัดการได้ ก็เริ่มเห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในเรื่องนี้ ส่วนประชาชนคนทั่วไป ก็เริ่มกังวลใจมากขึ้นเช่นกัน โดยจะเห็นได้จาก ยอด Google Search สำหรับคำว่า Recession ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับต้นปีที่ผ่านมา ยิ่งหุ้นตก คริปโตร่วง ความมั่งคั่งของทุกคนลดลง พร้อมกับราคาน้ำมัน ราคาอาหาร ราคาของต่างๆ พุ่ง ความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายก็ลดลง สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า ที่กลุ่มหุ้น Consumer Defensive ของสหรัฐ เช่น Walmart, Target, Costco เป็นต้น ที่เน้นการขายสินค้าราคา Discount ต่างพลาดเป้าในการทำกำไร ส่งผลให้ราคาหุ้นลดฮวบลงตามๆ

หลายคนถามว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ? ทำไมสงครามของเฟดกับเงินเฟ้อจะนำไปสู่ Recession?

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เงินเฟ้ออาจจะไม่ลงมาเร็ว อาจจะค้างอยู่ระดับที่สูงกว่าเฟดต้องการ นานพอควร

ปัจจุบันเงินเฟ้อที่ 8.3% เงินเฟ้อพื้นฐานที่ 6.2% สูงสุดในรอบ 40 ปี ล่าสุด แม้จะลดลงมาบ้าง แต่ว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่จะลงมาค้างอยู่ที่ระดับ 3-4% ไประยะหนึ่ง ไม่กลับไปที่ 2% ที่เฟดวาดฝันง่ายๆ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยไปต่อเนื่อง เพื่อกดเงินเฟ้อให้ลงมาให้ได้ รับกับท่านประธานเฟดที่เพิ่งพูดย้ำว่า “the Fed will not hesitate to keep raising rates until inflation comes down” “เฟดจะไม่ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ จนเงินเฟ้อลงมา”

ดังนั้น ตลาดจึงอนุมานต่อไปว่า หากจำเป็น หากเงินเฟ้อดื้อแพ่งไม่ยอมลง เฟดก็พร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยไป จนเศรษฐกิจสหรัฐฟุบ เกิด Recession เพื่อให้เงินเฟ้อลงมาในที่สุดเพราะจะว่าไป Recession คือ “ยาขม” สูตรเด็ดขนานสุดท้ายที่เงินเฟ้อกลัว เมื่อทำทุกอย่างแล้วเอาไม่อยู่ ท้ายสุดเฟดคงต้องงัดเอายาขนานสุดท้ายนี้มาใช้เพราะเมื่อเศรษฐกิจถดถอย ติดลบ คนตกงาน บริษัทปิดกิจการ ค่าจ้างก็ยากจะขึ้นต่อ นอกจากนี้ การใช้จ่ายที่ลดลง ก็จะทำให้ราคาสินค้ายากจะขึ้นต่อด้วยเช่นกัน เงินเฟ้อก็จะกลับเข้าถ้ำไป กลับเป็นปกติ แล้วค่อยมาเริ่มต้น กระตุ้นเศรษฐกิจกันอีกรอบ

เมื่อเห็นดังนี้ ตลาดจึงเริ่มกลัวคำว่า Recession มากขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่า Recession is coming!เตรียมรับมือกันให้ดี เมื่อดอกเบี้ยแพงขึ้นแน่ ๆ และตามมาด้วย Recession ในปีหน้า ตอนนี้ ทางที่ดี กินน้อยใช้น้อย เก็บเงินสดไว้ให้มากที่สุด เพื่อรับมือเศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงานกันได้แล้ว!!

kinyupen

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here