คำว่า Cascara มาจากภาษาสเปน หมายถึง เปลือกหรือผิว ที่ได้จากกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ โดยหลังเก็บเกี่ยวผลเชอร์รีกาแฟที่สุกได้ที่เพื่อนำเมล็ดข้างในไปผ่านกระบวนการผลิตเป็นเมล็ดกาแฟแล้วแทนที่จะทิ้งเปลือกผลเชอร์รีกาแฟที่ไม่ได้ใช้หรือเอาไปทำปุ๋ย ประเทศที่เป็นผู้ขายกาแฟรายใหญ่อย่างเยเมน และเอธิโอเปีย ก็นำเปลือกเชอร์รี่กาแฟดังกล่าวมาตากแดดและชงกับน้ำร้อน พร้อมใส่เครื่องเทศ เช่น ขิง อบเชย หรือกระวาน ลูกจันทน์เทศ เมล็ดยี่หร่าและเรียกชื่อเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า Qishr (อ่าน คิ เฌอะ) ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่ากาแฟ หลังจากนั้นประเทศอื่นๆ ก็เริ่มนิยมดื่ม เช่น ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
กระบวนการผลิต Cascara เริ่มจากนำเปลือกเชอร์รีกาแฟสุกสภาพดี (เปลือกเชอร์รีกาแฟที่ผ่านการแยกเมล็ดกาแฟออกด้วยการบีบจะมีสภาพสมบูรณ์และมีเนื้อของผลกาแฟติดมาด้วยให้รสหวานอมเปรี้ยวช่วยให้ชาที่ได้มีรสชาติดีกว่าชาที่มาจากเปลือกที่แยกเมล็ดออกกาแฟด้วยวิธีการสี) มาล้างทำความสะอาด กำจัดฝุ่น หรือ ดิน จากนั้นนำไปตากแดดประมาณ 2 สัปดาห์และต้องพลิกเปลือกทุกครึ่งชั่วโมงพร้อมใช้ผ้าคลุมตอนกลางคืนเพื่อป้องกันน้ำค้างเพื่อลดการเกิดแบคทีเรียและเชื้อรา ก่อนจะนำไปคั่วให้มีความหวานยิ่งขึ้นและเก็บรักษาได้นาน อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิต Cascara มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตว่าต้องการให้ Cascara ที่ได้ออกมามีรสชาติหรือรายละเอียดอย่างไร
Cascara ถือเป็น super food มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) สูงกว่าชาเขียว 10 เท่า มีวิตามิน C และ E ทั้งมีใยอาหารแต่มีคาเฟอีนเหมือนกับชาแต่น้อยกว่าชาดำ หรือเพียง 1 ใน 4 ของคาเฟอีนที่มีในกาแฟ และมีรสชาติคล้ายเชอร์รี่แห้ง
คุณสมบัติเด่นนอกจากนี้คือเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันการอักเสบในร่างกายและมีสารโพลีฟีนอลเข้มข้น ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของระบบประสาท ด้วยจุดเด่นอย่างนี้ทำให้ชา Cascara เป็นเมนูที่ถูกรังสรรค์ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็น ผสมน้ำผึ้งมะนาว หรืออย่างสตาร์บัคก็ทำเป็นเมนูพิเศษอย่าง คาสคาร่า มัคคิอาโต (Cascara Macchiato)
วันนี้คุณดื่ม Cascara Tea หรือยัง
