ในช่วงที่คนไทยยังไม่สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศไทยในระหว่างนี้ การเดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ธรรมชชาติในเมืองไทยน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้ ซึ่งนอกจากจะประหยัด และช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวที่กำลังเดือดร้อนหนักในขณะนี้ ยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐหลายอย่างที่เข้ามาช่วยให้การท่องเที่ยวในไทยคึกคักสะดวกสบายมากขึ้นด้วย
ช่วงเดือน สิงหาคมจัดเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดา ครั้งที่ 15 รับฤดูฝน ขึ้น ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก “ดงพญาเย็น-เขาใหญ่” ด้วย โดยที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ได้รับการยกย่องจากนักดูผีเสื้อให้เป็น “เมืองผีเสื้อของผืนป่าตะวันออก” โดยพบว่าในพื้นที่ป่าจะสามารถพบผีเสื่อกลางวันมากกว่า 520 ชนิดเลยทีเดียว (ข้อมูลจากการสำรวจของนายสินธุยศ จันทรสาขา สมาคมรักษ์ปางสีดา และนักดูผีเสื้อ ตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน)
สำหรับกลุ่มผีเสื้อที่อยู่ในพื้นที่ป่าของอุทยานแห่งชาติปางสีดานั้น มีรายงานว่า มักจะพากันบินออกมาในราวเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยจะออกรวมตัวกันที่โป่งเทียม กระทั่งเข้าสู่ฤดูฝนก็จะเริ่มมีผีเสื้อป่าทยอยบินออกมาอยู่บริเวณตามโป่ง ต้นไม้ ดอกไม้ ทุ่งหญ้าทั่วอุทยานฯ แต่เนื่องจากปีนี้เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนการจัดงานมาเป็นช่วงเดือนสิงหาคม แต่ก็ยังมีกลุ่มผีเสื้อให้ได้ชื่นชมกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ป่าชุ่มชื้นแบบนี้
สำหรับอุทยานแห่งชาติปางสีดามีสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพกลายเป็นแหล่งอาศัยของผีเสื้อนานาชนิด นับตั้งแต่จัดงานเทศกาลดูผีเสื้อปางสีดาขึ้นตั้งแต่ปี 2548 กระแสนักท่องเที่ยวสนใจมาดูผีเสื้อเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะกลุ่มถ่ายภาพมีการค้นพบผีเสื้อชนิดใหม่ในปางสีดาอยู่เรื่อย ๆ จากการจัดการโป่งเทียมดึงดูดผีเสื้อที่อาศัยอยู่ลึกเข้าไปในป่าดิบหาทางออกมาปรากฏตัวมากขึ้นโดยเฉพาะผีเสื้อในกลุ่มของผีเสื้อป่า เช่น ผีเสื้อโคอินูร์ ผีเสื้อพระเสาร์ ผีเสื้อเจ้าหญิงฟ้า ฯลฯ เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาดูผีเสื้อปางสีดาได้ทุกวัน เวลาที่เหมาะสมคือช่วงเช้าถึงเที่ยงประมาณ 09.00-12.00 น. ในวันฟ้าเปิดไม่มีเมฆฝน จุดดูผีเสื้อสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป คือ บริเวณจุดดูผีเสื้อจากน้ำตกปางสีดาขึ้นไปประมาณ 300 เมตร สามารถจอดรถแล้วเดินชมได้เลย
นอกจากนี้ ยังสามารถดูผีเสื้อได้ทั่วไปในอุทยานฯ เช่น ตามเส้นทางขึ้นจุดชมวิว บริเวณต้นเปล้าตรงข้ามลานจอดรถน้ำตกปางสีดาบริเวณรอบหน่วย ปด.5 ห้วยน้ำเย็น ลานหินดาษและเส้นทางศึกษาธรรมชาติทุ่งหญ้าบุตาปอด ซึ่งจะต้องประสานศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยานฯก่อนล่วงหน้า จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 400 คนต่อวัน และกำลังขยายเป็น 700 คนต่อวัน
สำหรับอุทยานแห่งชาติปางสีดา มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอตาพระยา อำเภอวัฒนานคร อำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า มีสภาพธรรมชาติและเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกปางสีดา น้ำตกผาตะเคียน น้ำตกแควมะค่า จุดชมวิว โขดหินตามลำน้ำที่มีลักษณะแปลกๆ มีเนื้อที่ประมาณ 527,500 ไร่ หรือ 844 ตารางกิโลเมตร
อุทยานแห่งนี้มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น ป่าไม้ สัตว์ป่า และทิวทัศน์ที่สวยงาม สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีพืชพรรณไม้หลายชนิด ประกอบไปด้วย ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง และป่าทุ่งหญ้า เหมาะสมที่จะรักษาไว้เพื่อการศึกษาวิจัยในด้านป่าไม้ สัตว์ป่า ด้านการท่องเที่ยว จุดเด่นที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกปางสีดา น้ำตกผาตะเคียน กลุ่มน้ำตกแควมะค่า กลุ่มน้ำตกถ้ำค้างคาว ภูเขาเจดีย์ ฟอสซิลไดโนเสาร์ แหล่งดูนกน้ำอ่างเก็บน้ำพระปรง แหล่งดูผีเสื้อ จนได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งดูผีเสื้อแห่งภาคตะวันออก การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติปางสีดา จากสถานีขนส่ง จังหวัดสระแก้ว ถึงที่ทำการอุทยาน ฯ ระยะทางประมาณ 27 กม. ปัจจุบันได้รวมผืนป่า 5 ผืนป่า ประกอบไปด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ปางสีดา ทับลาน ตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 3.8 ล้านไร่ เรียกว่า “ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่” และได้ประกาศเป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งที่ 2 ของประเทศไทย” เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548
การเดินทาง
การเดินทางโดยรถยนต์
- จากกรุงเทพฯ ถึงอำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว ระยะทาง 256 กิโลเมตร จากอำเภอเมือง โดยสารรถประจำทางไปตามทางหลวงหมายเลข 3462 สายสระแก้ว – บ้านคลองน้ำเขียว ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติปางสีดา
การเดินทางโดยรถไฟ
- สายตะวันออก กรุงเทพฯ-อรัญประเทศ เที่ยวแรกออกเวลา 06.00 น. เที่ยวสองออก 13.00 น. ถึงสถานีรถไฟสระแก้ว แล้วนั่งรถโดยสารจากอำเภอสระแก้วถึงที่ทำการอุทยานฯ
สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีก็ลองพิจารณาอุทยานแห่งชาติปางสีดา เข้าไปเที่ยวชมกันดู เพราะถือว่าเป็นผืนป่าใหญ่ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์เชื่อมต่อป่าผืนเดียวกับป่าเขาใหญ่ ดงพญาเย็น มรดกโลกและยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯอีกด้วย
