“กลิ่น” เทคนิคทางการตลาด…กลยุทธ์เพิ่มยอดขายที่น่านำไปใช้

0
899
kinyupen

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กลิ่น” มีอิทธิพลต่อความร่างกาย ความรู้สึก ต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบวกหรือเชิงลบ กลิ่น ที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ต่างๆ ส่งต่อสมองของมนุษย์

 

 

จากงานวิจัยระบุชัดเจนว่าสมองของมนุษย์นั้นจะถูกปรับให้เข้ากับกลิ่นต่างๆ  ผู้ใหญ่สามารถแยกแยะกลิ่นที่แตกต่างกัน 10,000 กลิ่น และร่างกายมนุษย์จะสร้างเซลล์ประสาทสำหรับการสัมผัสกลิ่นทุกสองสามสัปดาห์  และกลิ่นยังเชื่อมโยงกับความทรงจำของมนุษย์มากที่สุด นั่นคือ กลิ่นสามารถทำให้คุณจดจำความรู้สึกในระหว่างนั้น รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ในระหว่างที่คุณทำกิจกรรมต่างๆ เชื่อมโยงกับกลิ่น ณ เวลานั้นๆ รวมทั้งความทรงจำที่จะปลุกเร้าความปรารถนา ความสุขหรือแม้แต่ความกลัว อีกด้วย

 

และเพราะ “กลิ่น” มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของมนุษย์นี่เองทำให้ ปัจจุบันมันจึงถูกนำมาใช้ในการตลาดเพื่อการขายสินค้าที่มากขึ้น โดยผลการวิจัยด้านกลิ่น ชี้ชัดว่า “กลิ่นหอม” ช่วยส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้ามากขึ้นถึง 70% เพราะสามารถกระตุ้นความรู้สึกของผู้รับบริการ ให้มีความรู้สึกถึงคุณภาพของสินค้า และบริการที่มีมากกว่าเดิม ช่วยบำบัดอารมณ์ของผู้ใช้บริการให้ดีขึ้นได้ หลายธุรกิจจึงนำกลิ่นมาใช้ประโยชน์เพื่อการขายสินค้าของตนมากมาย อาทิ

 

  • Dunkin Donut ในเกาหลีใต้ สามารถเพิ่มยอดขายได้สูงถึง 29%  หลังจากใช้กลิ่นหอมของ Vanilla เคล้ากับเสียงเพลง กระตุ้นอารมณ์ของลูกค้าคล้อยตาม และอยากซื้อสินค้า

 

  • Starbucks ใช้ สีเขียวเข้มและการตกแต่งด้วยไม้ เมนูกระดานดำ มีดนตรีเบา ๆ และกลิ่นหอมของกาแฟสดแทรกซึมอยู่ในแต่ละพื้นที่ของร้าน  กลิ่นหอมของกาแฟ และบรรยากาศสบายๆ ส่งผลให้สามารถขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น 30%

  • โรงภาพยนตร์ต่างๆ ใช้กลิ่นของข้าวโพดคั่วโรงภาพยนตร์ (ซึ่งไม่มีรสชาติเหมือนกันที่บ้านเพราะมันหอมกว่ามาก) ร่วมกับบรรยากาศของความสนุก ตื่นเต้นในการชมภาพยนตร์ ติดตั้งไว้ในทุกมุมของอาคาร ถึงแม้บางร้านจะขายพิซซ่า หรืออาหารอื่น ๆ แต่กลับมีกลิ่นของข้าวโพดคั่วอบอวลอยู่ ทำให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่รู้สึกร่วมกับการอยู่ในโรงหนัง และทำให้เพิ่มความรู้สึกอยากเข้าไปนั่งชมภายในโรงหนังมากขึ้น

  • Lowe’s  ห้างสรรพสินค้าขายของตกแต่งบ้านของอเมริกา ใช้กลิ่น ของไม้ที่ตัดใหม่สร้างบรรยากาศให้กับลูกค้าระหว่างเดินเลือกซื้อสินค้าของใช้ในบ้าน แม้ว่าจะไม่มีไม้ขนาดใหญ่ให้เห็นเลย แต่กลิ่นนั้นกลับมีอยู่ทุกที่ ทำให้กระตุ้นความรู้สึกที่ต้องการจะปรับปรุงบ้านขึ้นมาด้วยวิธี DIY

  • Muji แบรนด์สินค้าข้าวของเครื่องใช้ของญี่ปุ่น  ใช้กลยุทธ์การตลาดด้วยการใช้กลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นที่มีกลิ่นหอม สังเกตได้ว่าทางร้านจะใช้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยปล่อยไว้ตามจุดต่างๆ กลิ่นเหล่านี้สร้างความรู้สึกให้จดจำถึงคุณภาพของสินค้าจากญี่ปุ่น ทำให้ผู้คนอยากที่จะเลือกซื้อสินค้าไม่ว่า จะเป็นเสื้อผ้า,สิ่งทอ, ของใช้ในครัวเรือน, เครื่องเขียนและอื่น ๆ สไตล์ญี่ปุ่นมากขึ้น

  • Cinnabon แบรนด์เบเกอรี่ชื่อดังของ อเมริกา สร้างการตลาดด้วยกลิ่นของอบเชยสด เพื่อเรียกลูกค้า เนื่องจากส่วนใหญ่ที่ตั้งร้านจะอยู่ในสถานีรถไฟต่างๆ รวมไปถึงบริเวณที่ผู้คนพลุกพล่าน รวมไปถึงหน้าโรงเรียนที่มีเด็กๆ ซึ่งปกติจะมีกลิ่นอื่นๆ ปะปน มากมาย แต่เมื่อผู้คนได้กลิ่นหอมของอบเชยที่หอมหวาน เป็นพิเศษก็ทำให้รู้สึกหิวหรืออยากจะซื้อขนมมากขึ้น

  • สายการบินสิงคโปร์กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยใช้ผลการวิจัยพัฒนากลิ่นที่ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าหลังการเดินทาง โดยฉีดลงในผ้าเช็ดตัวร้อน กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ได้รับนิยมกันมากจนทางสายการบินตั้งชื่อว่า Stefan Floridian Waters และยังใช้กลิ่นที่สงบเงียบเพื่อช่วยลดความวิตกกังวลและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในเที่ยวบิน สร้างจุดขายให้กับสายการบินได้อย่างดี

 

นอกจากนี้งานวิจัยยังระบุด้วยว่า กลิ่นที่ออกแบบตามเพศยังมีความสำคัญเช่นกัน กลิ่น“ ผู้หญิง” ในร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงช่วยสร้างความตั้งใจซื้อในเชิงบวก ทำให้ห้างสรรพสินค้ามักจะใช้กลิ่นที่แตกต่างกันในพื้นที่ต่าง ๆ ของร้านค้าขึ้นอยู่กับการมุ่งเน้นว่าจะขายผลิตภัณฑ์

 

ในส่วนของอาหาร มีการพัฒนากลิ่นสังเคราะห์ใหม่ๆ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร มากมาย ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อความสะดวกในการผลิตอาหารสำเร็จรูป เช่น กลิ่นของผลไม้ต่างๆ, กลิ่นเนื้อสัตว์ต่างๆ  กลิ่นนมเนย เพื่อเพิ่มความต้องการในบริโภคมากขึ้น  และตามความชอบและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น หรือพื้นที่แต่ละประเทศ เช่นการ ผลิตกลิ่นนมฮอกไกโด เพื่อให้ได้กลิ่นนมฮอกไกโดเหมือนซื้ออาหารมาจากเกาะฮอกไกโดจริง หรือ ความชอบของคนไทยในการได้กลิ่นอาหารจากการผัดอาหารจากกระทะ ก็มีการผลิตกลิ่นคั่วกระทะ สำเร็จรูปขึ้นมาใช้ และมันยังถูกนำไปใส่ในอาหารสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ผัดซีอื้วสำเร็จรูปของแบรนด์มินิมาร์ทชื่อดัง อีกด้วย

 

“กลิ่น” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยด้านการตลาดที่สำคัญ หากคุณกำลังทำธุรกิจส่วนตัวที่ต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ลองนำเทคนิคการใช้กลิ่นกระตุ้นการขายที่เหมาะสมไปใช้ดู เพราะมันอาจจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ขึ้นอย่างน่าตกใจก็เป็นได้

kinyupen