- สินค้ายอดนิยมทำรายได้ให้ญี่ปุ่น เครื่องสำอาง ยา และขนม ปีละกว่า 3 ล้านล้านบาท
- นักท่องเที่ยวที่นิยมเที่ยวญี่ปุ่น 5 อันดับแรกคือ จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และไทย
- ปี 2563 ญี่ปุ่นตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศ 40 ล้านคน
- นักท่องเที่ยวใช้เงินชิม ช้อป ใช้ เฉลี่ยต่อหัว 40,000 บาท
เมื่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทางออกที่กระตุ้นได้เร็วสุดคือ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพราะเป็นวิธีหาเงินและกระจายรายได้เข้าสู่ประเทศและประชาชนเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเม็ดเงินที่มาจากนักท่องเที่ยวภายในหรือชาวต่างชาติ ดังเห็นได้จากการที่รัฐบาลไทยมีนโยบายชิม ช้อป ใช้
ญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งเสริมให้ตัวเองเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว ดังเห็นได้จากการเปิดวีซ่า การรับเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับโลก โดยในปีนี้เป็นเจ้าภาพรักบี้ ปีหน้าเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก นี่จึงอาจเป็นที่มาของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยตัวเลขที่คาดการณ์ว่าจะถึง 40 ล้านคนในปี 2563 โดยมีชาวจีนเป็นอันดับ 1 รองมาคือ เกาหลีใต้ อันดับ 3 ไต้หวัน 4 ฮ่องกง และไทยเป็นอันดับที่ 5 (สิงหาคม 2562)
ญี่ปุ่น ประเทศในฝันของหลาย ๆ คน เหตุผลที่นักท่องเที่ยวเลือกญี่ปุ่นเป็นประเทศเป้าหมาย คือเสน่ห์ของประเทศที่ผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสถานที่ เพราะมีปราสาท และวัดเก่าแก่ การมีศิลปวัฒนธรรม และอาหารที่เป็นเอกลักษณ์
สิ่งที่น่าสนใจในเสน่ห์การท่องเที่ยวของญี่ปุ่น คือ ตัวเลขที่อาจเป็นรายได้แฝงที่เกิดขึ้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย เพราะคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมที่ต่างจากชาวตะวันตกโดยเฉพาะการกิน และการช้อป เนื่องด้วยพื้นฐานชาวเอเชียที่เป็นครอบครัวใหญ่ ชื่นชอบการกิน รักครอบครัวและญาติ ดังนั้นรายการซื้อฝาก และฝากซื้อจึงมีมากมาย หากนั่งสังเกตในย่านดังของแต่ละเมืองจะเห็นประเภทผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว 5 อันดับคือเครื่องสำอางและประทินผิว ผลิตภัณฑ์ยา ขนม และของที่ระลึก โดยตามข่าวมีการระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตต่างลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันตัวเลขรายได้ของกลุ่มนี้ในปี 2562 ก็สะท้อนถึงความนิยมได้เป็นอย่างดี โดยรายได้โดยประมาณจากกลุ่มร้านขายยามากกว่า 5 แสนล้านบาท กลุ่มร้านสะดวกซื้อมากกว่า 2 ล้านล้านบาท และ กลุ่มร้านค้าทั่วไปรวมถึงของที่ระลึกมากกว่า 8 แสนล้านบาท (ตัวเลขนี้อาจรวมรายได้ที่มาจากในและนอกประเทศของกลุ่มดังกล่าวก็จะสะท้อนความนิยม)
ด้วยเสน่ห์ของรายได้ที่ยวนใจ จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปี 2563 ญี่ปุ่นได้มีการลงทุนเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกและการเข้าถึงมากขึ้น ไม่ว่าจะลงทุนขยายทางรถไฟ และทางด่วนเชื่อมสนามบิน เพื่อย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้น ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของแต่ละเมือง รวมทั้งชาวญี่ปุ่นเองก็เตรียมพร้อมเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือให้ความสะดวกนักท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว
แต่จะว่าไป ประเทศไทยก็ไม่น้อยหน้า ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ติดอันดับ 9 ของโลกในการเป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยม