จาก ปุตราจายา เนปิดอร์ สู่ กาลิมันตันตะวันออก เมื่อเพื่อนบ้านย้ายบ้าน ทำไมต้องสนใจ

0
909
kinyupen

สัปดาห์ที่ผ่านมา ภูมิภาคอาเซียนของเราได้เกิดความเคลื่อนไหวที่สำคัญขึ้น นั่นคือ รัฐบาลอินโดนีเซีย ประกาศแผนเตรียมย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา บนเกาะชวา ไปยังพื้นที่ระหว่างเขตเปอนาจัม ปาเซร์ อุตารา และกูไต การ์ตาเนอการา จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก บนเกาะเบอร์เนียว โดยถือเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียนที่มีการโยกย้ายศูนย์กลางการบริหารของประเทศ ต่อจากเมืองปุตราจายา มาเลเซีย และกรุงเนปิดอว์ของเมียนมาร์

เหตุผลการย้ายครั้งนี้เพราะ ต้องการลดความแออัดของประชากร และลดปัญหาจราจรที่ติดอันดับโลกจนเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉลี่ยราว 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติและกระจายความมั่นคั่งออกนอกเกาะชวา โดยเมืองหลวงใหม่นี้ยังไม่มีชื่อเรียก เพราะเป็นเมืองที่จะสร้างใหม่ทั้งหมด คล้ายเมืองปุตราจายา มาเลเซีย โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2564 สามารถเริ่มย้ายคนบางส่วนได้ในปี 2567

รัฐบาลอินโดนีเซีย ระบุเพิ่มเติมว่า หลังย้ายเมืองหลวงแล้ว จาการ์ตาจะยังคงบทบาทเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินต่อไปสู่เมืองหลวงใหม่ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์ราชการรองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ประมาณ 1.5ล้านคน”

นอกจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในเชิงบริหารแล้ว อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจ คือ “การย้ายเมืองหลวงครั้งนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และทำให้ทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต้องเปลี่ยนไปหรือไม่” เพราะที่ผ่านมาอินโดนีเซียพยายามกระตุ้นให้นักลงทุนข้ามชาติ รวมถึงหลายบริษัทขนาดใหญ่จากประเทศไทย อาทิเครือ ปตท. เอสซีจี เซ็นทรัล ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย เจดับเบิ้ลยูดีอินโฟ โลจิสติกส์​ โอสถสภา เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันจาการ์ตามีบริษัทขนาดใหญ่ และขนาดกลางจดทะเบียนรวมอยู่กว่า 1,400 บริษัท และมีบริษัทขนาดเล็กอีกกว่า 16,454 บริษัท ส่งผลให้จาการ์ตาและเกาะชวาสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึง 58%

และแซคเตอร์ที่น่าจับตามอง คือ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งอินโดนีเซียตั้งเป้าแข่งขันกับไทยในการขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของภูมิภาคมาโดยตลอด จึงน่าสนใจว่าค่ายรถยนต์ที่ลงทุนในอินโดนีเซีย อาทิ โตโยต้า ไดฮัทสุ ซูซูกิ นิสสัน บีเอ็มดับเบิ้ลยู เมอร์เซเดสเบนซ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจาการ์ตาและเกาะชวา จะมีรีแอคชั่นต่อกรณีนี้อย่างไร

เรื่องนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อไป เพราะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ถือว่าเป็นก้าวที่ควรจับตา ว่าอนาคตต่อไปจะสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายหรือไม่

kinyupen