หากพูดถึงละครที่ได้รับความนิยมจนถึงขณะนี้ คงหนีไม่พ้นละครดังอย่าง “กรงกรรม” ที่นำเสนอเรื่องราวของตัวละครต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ บรรยากาศที่ชุมแสงจากที่หลายคนได้รับชมละครกันไป จะเห็นได้ว่ามีความเป็นชุมชนริมน้ำที่เก่าแก่แต่งดงามคลาสสิก มีวิถีชีวิตของชาวตลาดที่เคยรุ่งเรืองมาก่อนในอดีต
เดิมทีชุมแสงเป็นทั้งท่าข้าวและชุมชนค้าขายที่มีผู้คนเดินทางมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจำนวนมาก มีแม่น้ำน่านเป็นทางสัญจรหลักมาแต่อดีต อีกทั้งยังมีสถานีรถไฟสายเหนือ (สถานีชุมแสง) ที่มุ่งสู่เชียงใหม่วิ่งผ่านมาตั้งแต่ปี 2450 ที่นี่จึงเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญในการขนถ่ายสินค้าระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง นอกจากนี้ มีชาวจีนอพยพมาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินค้าขายเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ แต่ยังคงบรรยากาศแห่งความสโลวไลฟ์อยู่เช่นเดิม ขณะเดียวกัน ตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตของผู้คนในชุมแสงมีลักษณะเหมือนกับในละครเลย คือ เป็นบ้านไม้ขนาดเล็ก ไม่ได้ใหญ่มาก มีลักษณะคล้ายชุมชนแห่งหนึ่ง มีผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นคนจังหวัดนครสวรรค์อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก
หลังจากละครดังอย่าง “กรงกรรม” ออกอากาศไปได้ไม่กี่ตอน ก็มีกระแสตอบรับจากแฟน ๆ ละครที่ดีเกินคาด จากเดิมที่พื้นที่ชุมแสงแห่งนี้เป็นเพียงแค่พื้นที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นที่รู้จักของใครหลาย ๆ คนอย่างมาก เริ่มมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาสัมผัสกับบรรยากาศที่ชุมแสงแห่งนี้ และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะไปเที่ยวชุมแสง แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเที่ยวที่ไหนบ้าง “กินอยู่เป็น” 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในพื้นที่ชุมแสง ที่ควรค่ากับการไปท่องเที่ยว ตามรอยละครดัง “กรงกรรม” จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า
1. สถานีรถไฟชุมแสง
สถานีรถไฟเล็ก ๆ ในย่านชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ เป็นสถานีสุดท้ายของจังหวัดนครสวรรค์ ในเส้นทางรถไฟสายเหนือ ก่อนเข้าเขตจังหวัดพิจิตร เป็นหนึ่งในแหล่งการสัญจรทางคมนาคมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่คงกลิ่นไอของวิถีชีวิตในอดีต หากได้มีโอกาสรับชมละครเรื่อง “กรงกรรม” จะเห็นว่า ตัวละครหลักจะใช้รถไฟเป็นยานพาหนะสัญจรไปยังนอกเมือง
2. ตลาดเก่า 100 ปีชุมแสง
หากมีโอกาสเดินทางไปยังชุมแสง อย่าลืมเดินทางไปที่ตลาดเก่า 100 ปีชุมแสงด้วย เพราะจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเก่าแก่เอาไว้อย่างลงตัว นี่ล่ะเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้อยู่ตรงนี้ ส่วนใครที่ชอบถ่ายรูป มาที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะเราจะได้เห็นภาพตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตแสนเรียบง่ายของชาวบ้านในพื้นที่แห่งนี้
3. ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง
ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง ตั้งอยู่บริเวณใกล้ปากคลองจระเข้เผือกด้านใต้ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของชาวจีนที่อาศัยอยู่ตลาดชุมแสง เดิมทีชาวชุมแสงเรียกศาลแห่งนี้ว่า ศาลเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก เนื่องจากมีเรื่องเล่าตามตำนานว่า มีขอนไม้ลอยตามลำน้ำน่าน วนเวียนทวนน้ำอยู่หน้าศาล เจ้าพ่อได้ประทับฝันให้ชาวบ้านนำขอนไม้นี้ขึ้นมาแล้วนำไปแกะสลักเป็นองค์เจ้าพ่อ และเจ้าพ่อจะประทับในไม้แกะสลักนี้ เพื่อปกป้องภัยพิบัติให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง และปลอดภัยตลอดการเดินทาง
นอกจากนี้ เจ้าพ่อเกิดมีความรักกับเจ้าแม่เกยไชย จึงประทับทรงให้ชาวบ้านชุมแสงไปสู่ขอเจ้าแม่เกยไชยให้ได้แต่งงานกับเจ้าแม่เกยไชย โดยเจ้าพ่อได้ยกขันหมากทางเรือไปสู่ขอและแต่งงานกับเจ้าแม่เกยไชย ซึ่งหลังงานแต่ง ชาวบ้านได้อัญเชิญเจ้าแม่เกยไชยกลับมาประทับอยู่ที่ชุมแสง และได้แกะสลักไม้เป็นองค์เจ้าแม่ขึ้นมาใหม่คู่กับองค์เจ้าพ่อ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อศาลเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก มาเป็น “ศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง” จวบจนถึงปัจจุบัน
4. สะพานหิรัญนฤมิต
สะพานหิรัญนฤมิต หรือสะพานแขวนแห่งอำเภอชุมแสง จ.นครสวรรค์ สร้างขึ้นในปี 2552 เพื่อให้ผู้คนจากสองฟากฝั่งแม่น้ำน่านสัญจรข้ามไป-มา ถือเป็นจุดแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ ซึ่งอยู่คู่กับพื้นที่ชุมแสง สะพานแห่งนี้จะมีผู้คนสัญจรบนสะพานไป-มา รวมถึงจักรยาน และรถจักรยานยนต์ ยกเว้นรถยนต์ 4 ล้อขนาดใหญ่ไม่สามารถสัญจรบนสะพานแห่งนี้ได้ เนื่องจากสะพานดังกล่าวเป็นสะพานขนาดเล็ก
5. พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บริเวณเขื่อนกั้นแม่น้ำน่านฝั่งตลาดชุมแสง ในอดีตสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถูกยิงด้วยกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บที่หน้าแข้ง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำน่าน เขตอำเภอชุมแสง แห่งนี้ ชาวบ้านจึงจัดสร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติในวีรกรรมอันกล้าหาญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ประเทศชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2311
6. ถนนคนเดินชุมแสง
ถนนคนเดินชุมแสง ตั้งอยู่บริเวณถนนเลียบแม่น้ำน่าน ใกล้กับสะพานหิรัญนฤมิตร ทุกๆ วัน ชาวบ้านจะตั้งแผงขายของกันตั้งแต่ช่วงเวลา 16:00-20:00 น. ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก มีของกินของใช้ให้เดินเลือกซื้อ เลือกชิมกันได้อย่างเพลินๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ควรค่ากับการเลือกซื้อสินค้า พร้อมๆ กับเดินชมภาพพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำบนสะพาน
วันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้ หากยังไม่รู้ว่าจะไปท่องเที่ยวที่ไหน “ชุมแสง” ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ ณ เวลานี้ใครหลาย ๆ คนก็อยากที่จะไปเที่ยว ณ ที่แห่งนี้ ยิ่งเป็นแฟน ๆ ละคร “กรงกรรม” ด้วยแล้ว ยิ่งอยากไปสัมผัสกับบรรยากาศและวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่นมาก อยากไปดูว่าบรรยากาศที่นั่นจะสวยงามเหมือนดั่งในละครหรือไม่ หากมีโอกาสลองแวะไปเที่ยวกันได้ ไปเช้า-เย็นกลับ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หากขับรถยนต์ไปเองหรือนั่งรถไฟจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็ถึงชุมแสงแล้ว หากนั่งรถไฟ จะมีรถไฟให้บริการจากสถานีกรุงเทพฯ – ชุมแสง จำนวน 7 เที่ยว/วัน และขากลับจากสถานีชุมแสง-กรุงเทพฯ จำนวน 7 เที่ยว/วัน เช่นกัน ค่าโดยขั้นต่ำอยู่ที่เที่ยวละ 52 บาทเท่านั้นเอง (ตรวจสอบขบวนการและราคาค่าโดยสารได้ที่ : http://procurement.railway.co.th/checktime/checktime.asp ) รับรองเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวัง เมื่อได้ไปเที่ยวตามรอยละคร “กรงกรรม” ณ ชุมแสง