กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต พาไปดูเรื่องราวของสะพานข้ามทะเล เชื่อม “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” ยาวที่สุดในโลก หนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของโลกที่เชื่อมต่อ 3 เมืองใหญ่ของจีนและฮ่องกง ย่นระยะเวลาการเดินทางของแต่ละเมืองได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่า
เร็วๆ นี้ ก็จะมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของโลกที่ต้องบอกว่าเชื่อมต่อ 3 เมืองใหญ่ของจีนและฮ่องกง ที่จะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางของแต่ละเมืองได้รวดเร็วขึ้นหลายเท่า รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติสัญจนบนสะพานแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ กับสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า”
โดยสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีของจีน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากฮ่องกงและมาเก๊า ร่วมพิธีเปิดสะพานข้ามทะเลยาวที่สุดในโลก “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” ที่มีความยาวถึง 55 กิโลเมตร ประกอบด้วย สะพานข้ามทะเล ยาว 22.9 กิโลเมตร , อุโมงค์ลอดใต้ทะเล ยาว 6.7 กิโลเมตร และเกาะเทียม สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมต่อกันระหว่างเมืองจูไห่ของประเทศจีน , มาเก๊า และฮ่องกง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างสูงถึง 6 แสนล้านบาท กับระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 9 ปีเต็ม ซึ่งสะพานดังกล่าวจะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างจูไห่กับฮ่องกงเหลือเพียง 30 นาทีเท่านั้น จากเดิมใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
เสน่ห์ของสะพานแห่งนี้ที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นอกจากเป็นสะพานที่เชื่อมต่อกับ 3 เมืองใหญ่อย่าง “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” แล้ว ยังเป็นสะพานที่ที่ก่อสร้างข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังอีกเกาะ ซึ่งนี่ถือเป็นไฮไลท์สำคัญเลย เพราะว่าไม่มีที่ไหนสร้างสะพานบนท้องทะเลมาก่อน นอกจากนี้ สะพานแห่งนี้ยังมีการก่อสร้างเพื่อป้องกันพายุ แผ่นดินไหวสูงสุด 8 แมกนิจูด และการชนโดยเรือขนาดใหญ่ได้ด้วย
ส่วนจุดประสงค์สำคัญของการสร้างสะพานแห่งนี้นั้น ชาวฮ่องกงส่วนหนึ่งเชื่อว่า สะพานดังกล่าวถูกสร้างเพื่อให้ทางการจีนเข้ามามีอิทธิพลทางการเมืองต่อเขตปกครองพิเศษฮ่องกงมากขึ้น และช่วยส่งเสริมการค้า ความร่วมมือทางการเงิน โลจิสติกส์ และการท่องเที่ยว ระหว่าง 3 แผ่นดินใหญ่ในครั้งนี้ด้วย
สะพานดังกล่าวเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับท่านใดที่มีแพลนที่จะเดินทางไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน มาเก๊า หรือฮ่องกง อย่าลืมไปสัมผัสการการเดินทางข้ามแผ่นดินในระยะเวลาอันสั้นและเก็บภาพความสวยงามได้ที่สะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก “ฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า” รับรองว่าสะพานแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คและถูกปักหมุดเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่คนทั้งโลกต้องไปเยือนอย่างแน่นอน นี่คือหนึ่งในวิถีแห่ง กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต
ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพจาก : สำนักข่าวซินหัวของจีน