เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรามีเงิน ก็ต้องการที่จะซื้อหรือนำเงินไปลงทุนใช้จ่ายในสิ่งที่เราอยากได้มากๆ ซึ่งของบางอย่างมีราคาค่อนข้างสูง “กินอยู่เป็น” จึงได้รวบรวม 6 เรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนควักเงินจ่าย ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ก้อนโตในภายหลัง
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเรามีเงิน ซึ่งได้มาจากการทำงาน หรือจะได้มาจากการเสี่ยงโชคก็ตาม เราย่อมต้องการที่จะซื้อหรือนำเงินไปลงทุนใช้จ่ายในสิ่งที่เราอยากได้มากๆ ซึ่งของบางอย่างมีราคาค่อนข้างสูง จนเราอาจจะไม่ได้คิดให้รอบคอบเสียก่อนว่า เมื่อซื้อมาแล้วจะส่งผลกระทบกับตัวเราหรือไม่ เราจะมีเงินเหลืออยู่หรือไม่ จะมีเงินเพียงพอในการใช้จ่ายหลังจากนี้หรือไม่ หรือถ้าโชคร้ายอาจจะกลายเป็นหนี้สินขึ้นมาก็เป็นไปได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นการสะท้อนออกมาชัดเจนว่า สถานะทางการเงินของเราอยู่ในภาวะวิกฤติ จำเป็นต้องแก้ไขพฤติกรรมการเงินจริงๆ
“กินอยู่เป็น” จึงได้รวบรวม 6 เรื่องสำคัญที่คุณจะต้องคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนควักเงินจ่าย ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ก้อนโต ทั้งนี้ เพื่อให้คุณได้วางแผนการใช้จ่ายเงิน ระมัดระวังการเกิดหนี้สินในภายหลัง ซึ่งมีดังนี้
1. ซื้ออุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า
ปัจจุบัน อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มีความจำเป็นต่อชีวิตเราอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ , คอมพิวเตอร์ , เครื่องซักผ้า , ตู้เย็น หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ ที่ต่างผลิตรุ่นใหม่พร้อมฟังก์ชั่นใหม่ๆ ออกมา แน่นอนว่าผู้บริโภคอย่างเราๆ เองก็ต้องปรับเปลี่ยนสินค้าให้เป็นรุ่นปัจจุบัน เพื่อที่จะได้ไม่ตกเทรนด์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้มีความจำเป็นเลย เพราะการที่จะต้องซื้อหรือปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่ละครั้งนั้น ย่อมมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะกระทบต่อสภาพทางการเงินของเราอย่างแน่นอน ยิ่งซื้อของแบบเงินก็มีเปอร์เซนต์ที่จะเป็นหนี้สินได้
ฉะนั้น คุณต้องดูความจำเป็นว่า อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่คุณสนใจนั้น มีความจำเป็นกับตัวเรามากน้อยขนาดไหน ถ้าที่บ้านยังมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องเดิมอยู่และยังใช้งานได้ตามปกติ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อใหม่เลย เก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามจำเป็นดีกว่า
2. ซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์
การเดินทางไปไหนมาไหนแน่นอนว่า ยานพาหนะ เป็นปัจจัยสำคัญในการเดินทาง การมียานพาหนะเป็นของตัวเองถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สบาย เดินทางเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องไปง้อรถโดยสารสาธารณะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เป็นของตัวเองนั้น คุณจะต้องมีรายรับเพื่อมาใช้จ่ายกับยานพาหนะของคุณ เช่น ค่าน้ำมันรถ , ค่าซ่อมแซมรถ , ค่าตรวจสภาพรถประจำปี , ค่าประกันรถยนต์ ฯลฯ นอกจากนี้ สำหรับรถป้ายแดงที่ดาวน์รถ คุณก็จะมีค่าใช้จ่ายในการผ่อนรถต่อเดือนอีกด้วย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อปีค่อนข้างสูงพอสมควร
ฉะนั้น ก่อนที่คุณจะซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ คุณต้องคิดให้ดีก่อนว่ามีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนในการต้องมีรถส่วนตัว และคุณมีรายรับมากเพียงพอที่จะจ่ายเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวหรือไม่ เพราะถ้าคุณวางแผนไม่ดี คุณก็อาจจะมีโอกาสเป็นหนี้ขึ้นมาทันที ทางที่ดีแล้วคุณควรมีเงินสำรองเตรียมไว้อีกสักก้อนหนึ่ง เผื่อเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องรถด้วย
3. ซื้อบ้าน/คอนโด
รู้หรือไม่ การที่จะซื้อบ้านสักหรือคอนโดสักห้องหนึ่ง นั่นหมายความว่า คุณจะต้องเป็นหนี้ยาวนานอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไปเลยทีเดียว เพราะคนที่คิดจะซื้อบ้านและคอนโดส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินก้อนใหญ่หลักแสนหลักล้านในการที่จะไปซื้อบ้านหรือคอนโด จะต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อมาซื้อบ้านและคอนโด และเมื่อกู้มาแล้วก็ต้องมีการชำระหนี้คืนพร้อมดอกเบี้ย โดยการจ่ายคืนจะอยู่ในลักษณะของการผ่อนจ่ายเป็นรายเดือน อย่างน้อยตกเดือนละประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป
ดังนั้น คุณต้องคคิดและวางแผนให้ดีว่าถ้าคุณคิดที่จะซื้อบ้านและคอนโดแล้ว คุณมีกำลังแรงที่จะชำระหนี้หรือผ่อนบ้านไหวหรือไม่ เพราะคุณจะต้องเป็นหนี้นานนับ 10 ปี หากคุณมีปัญหาทางการเงินขึ้นระหว่างนั้น ความเดือดร้อนจะมาเยือนคุณแน่นอน
4. ทำบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด
การทำบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสด นอกจากที่จะมีประโยชน์เยอะ หากวางแผนไม่ดี ก็จะเห็นว่าโทษก็จะมีเยอะเช่นกัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เงินของคุณล้วนๆ ถ้าคุณเป็นคนที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย รูดบัตรเครดิตซื้อของทุกวัน นั่นหมายความว่าคุณจะกลายเป็นหนี้ขึ้นมาทันที และคุณก็จะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยอีกด้วย
ฉะนั้น คิดให้ดีก่อนที่จะใช้จ่าย ขอแนะนำเลยว่าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดควรใช้ในยามจำเป็นจริงๆ เช่น ไว้ใช้กรณีต้องรักษาตัวยามเจ็บป่วย หรือกรณ๊ที่ต้องใช้เงินด่วน เป็นต้น อย่าลืมว่า ควรมีสติทุกครั้งในการใช้งานบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด เพื่อที่เราจะได้ห่างไกลจากการเป็นหนี้ก้อนโตด้วย
5. ลงทุนเปิดธุรกิจ/ประกอบกิจการส่วนตัว
การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีข้อดีตรงที่ว่าคุณไม่ต้องเป็นลูกน้องของใคร คุณเป็นเจ้านายตัวเอง บริหารงานได้ด้วยตนเอง แต่การที่จะลงทุนเปิดธุรกิจสักอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมมีค่าลงทุนมากพอสมควร อาทิ ค่าอุปกรณ์ , ค่าเช่าสถานที่ , ค่าจ้างพนักงาน , ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง นอกจากนี้ อาจจะมีรายจ่ายนอกเหนือจากนี้เพิ่มเติมเข้ามาด้วย
ฉะนั้น คุณเองต้องวางแผนดีๆ ก่อนเริ่มลงทุนทำธุรกิจขึ้นมานั้น อันดับแรกต้องมีเงินทุน และควรต้องมีเงินสำรองก้อนใหญ่อีกสักก้อนสำรองไว้ เผื่อในกรณีที่เดือนไหนรายรับน้อยกว่ารายจ่าย ผลประการการธุรกิจขาดทุนในเดือนนั้น นั่นคือวิกฤตทันที คุณต้องวางแผนการใช้จ่ายเงินให้ดี พยายามลดรายจ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าวางแผนและประคับประคองธุรกิจของคุณดีๆ คุณก็สามารถได้กำไรจากการขายได้อย่างไม่ยากเลย
6. ศึกษาต่อระดับปริญญาโท-เอก
“การศึกษาคือการลงทุน” คำนี้มีอยู่จริง ลงทุนด้วยค่าใช้จ่ายในการศึกษา การศึกษาต่อในระดับปริญญาโท-ปริญญาเอก คือ การศึกษาเพื่อต่อยอดองค์ความรู้จากที่เรียนในระดับปริญญาตรี เพื่อที่คุณจะได้นำความรู้ในด้านปริญญาโท-เอก ไปต่อยอดในสายงานคุณได้ หรืออาจจะนำไปใช้ประกอบอาชีพในสายงานวิชาการ งานวิจัย ซึ่งการที่จะศึกษาต่อในระดับนี้ คุณต้องคิดให้ดีๆ อย่าคิดแค่ว่าเรียนต่อปริญญาโท-ปริญญาเอก เพราะกระแสหรือแฟชั่น พยายามหาคำตอบกับตัวเองให้ได้ว่าจะเรียนต่อปริญญาโท-ปริญญาเอก ไปเพราะอะไร ถ้าคุณหาคำตอบได้ ก็ลุยได้เลย
นอกจากนี้ ต้องอย่าลืมสำรวจค่าใช้จ่ายของตัวเองด้วยว่ามีเงินค่าเทอมที่จะจ่ายเพียงพอกับการเรียนหรือไม่ ถ้าสถานะทางการเงินยังไม่พร้อมกับเรียนไปศึกษาต่อ คุณก็ไม่ควรที่จะไปเรียนในช่วงนั้น ขอแนะนำว่าคุณควรทำงานหาประสบการณ์และเก็บเงินให้ได้อย่างน้อยสัก 200,000-300,000 บาทขึ้นไป เพื่อที่ตอนเรียนต่อปริญญาโท-ปริญญาเอก จะได้ไม่วุ่นวายกับการหาเงินจ่ายค่าเทอม และสำคัญอย่างยิ่งคือช่วงการทำวิทยานินธ์ ซึ่งคคุณต้องมีเวลามากพอสมควรในการให้เวลากับสิ่งๆ นี้ เพราะถ้าคุณไม่มีเวลากับมัน คุณก็จะเรียนไม่จบแน่นอน บางคนตัดสินใจลาออกจากงานประจำหรือขอลาไม่รับเงินเดือน เพื่อให้เวลากับการทำวิทยานิพนธ์ในครั้งนี้ ฉะนั้น ควรวางแผนเก็บเงินตั้งแต่แรก จะดีที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 4 กับดักสร้างหนี้..วนไป สไตล์มนุษย์เงินเดือน
- วิธีเก็บเงินให้โสดแบบสวยๆ แต่รวยตอนแก่
- 4 ไอเดียปลดหนี้
- ปลดหนี้ “บัตรเครดิต-บัตรกดเงินสด” ด้วย 3 วิธีง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิด
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องที่คุณควรจะต้องคิดให้ดีก่อนเสียเงิน สำคัญมากๆ เลยทีเดียว ฉะนั้นขอให้จำเอาไว้เสมอว่า เราควรมีสติ คิดให้รอบคอบทุกครั้ง ที่จะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนจากการเป็นหนี้สิ้นหรือไม่มีเงินใช้ภายหลัง นี่คือวิถี กินอยู่เป็น 360 องศาแห่งการใช้ชีวิต