จับตา “แบรนด์แดนมังกร” รอผงาดในศึกเวิลด์คัพฉบับรัสเซีย

0
285
kinyupen
จับตา “แบรนด์แดนมังกร” รอผงาดในศึกเวิลด์คัพฉบับรัสเซีย นับถอยหลังไม่ถึง 2 เดือน…กระแสเวิลด์คัพฟีเวอร์จะกลับมาอีกครั้ง ในศึก “ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018

 

ซึ่งเริ่มฟาดแข้งระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน –15 กรกฎาคม โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรัสเซียกับการรับบทเจ้าภาพฟุตบอลโลก “เวิลด์คัพ” กลายเป็นมหกรรมกีฬาที่สามารถสร้างรายได้มหาศาล ดังนั้นนอกจากการชิงชัยบนสนามหญ้าของเหล่าแข้งทองเพื่อหาแชมป์แล้ว การขับเคี่ยวของแบรนด์ต่างๆ เพื่อกระตุ้นตลาดและสร้างแบรนด์สู่ผู้บริโภค ก็เป็นอีกหนึ่งสนามที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน โดยเวทีเวิลด์คัพ 2014 ครั้งล่าสุดที่บราซิล สามารถสร้างรายได้ให้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สูงถึง 4,800 ล้านเหรียญ (ประมาณ 158,000 ล้านบาท) มากกว่าเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้ถึง 66% โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ของการขายสิทธิถ่ายทอดสด และ สิทธิการทำตลาดในสนามและนอกสนามให้พันธมิตรและสปอนเซอร์

 

“เวิลด์คัพฉบับรัสเซีย” ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าบรรดาแบรนด์พันธมิตรและสปอนเซอร์หลักนั้น นอกจาก Adidas, Coca-Cola, Mcdonald, Hyundai & KIA Motor และ Visa ขาประจำแล้ว ยังมีหน้าใหม่จากจีนเข้ามาถึง 5 แบรนด์ ได้แก่

  1. Wanda Group กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบันเทิงยักษ์ใหญ่ของ “หวัง เจี้ยนหลิน” มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งบนแผ่นดินจีน 2. Hisense ผู้นำตลาดทีวี อันดับ 1 ในจีนกว่า 13 ปี 3. Vivo แบรนด์มือถือชื่อดัง 4. Mengniu ผู้ผลิตนมรายใหญ่ และ 5. Yadea ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

แม้เคยมีการวิเคราะห์ของกลุ่มนักการตลาดว่า การเข้ามาของแบรนด์จีนครั้งนี้ เป็นผลจากที่หลายแบรนด์ดังถอนตัวเพราะกลัวภาพลักษณ์จะถูกโยงพัวพันไปกับการทุจริตของฟีฟ่าชุดเก่า แต่นั่นก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหากมองแผนธุรกิจของแบรนด์จีนกลุ่มนี้ จะไม่น่าแปลกใจเลยเพราะมีการตั้งเป้าชัดเจนที่จะรุกสร้างแบรนด์สู่ระดับโลก ด้วยกลยุทธ์ Sport Marketing มาโดยตลอด

เห็นได้จาก Hisense ที่เข้าร่วมสนับสนุนกีฬาระดับโลกต่อเนื่อง เช่น การแข่งขันยูโร 2016, เทนนิสออสเตรเลียนโอเพ่น ฯลฯ ขณะที่  Wanda Group นอกจากสนับสนุนฟุตบอลในประเทศแล้ว ยังเข้าซื้อหุ้นแอตเลติโกมาดริด สโมสรชื่อดังจากลาลีกาสเปนเพื่อเป็นพันธมิตรธุรกิจ รวมถึงอาสาเป็นผู้จัดการแข่งขันให้กับสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) มาแล้ว

จึงน่าติดตามว่า แบรนด์แดนมังกรกลุ่มนี้ ซึ่งมีศักยภาพธุรกิจเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศจีน จะออกหมัดจัดกลยุทธ์เพื่อ “ผงาดสร้างแบรนด์” โดยใช้โอกาสจากฐานผู้ชมและผู้ติดตามจำนวนมหาศาลของศึกเวิลด์คัพ 2018 ได้สำเร็จมากน้อยเพียงใด ซึ่งบางแบรนด์ทราบมาว่าเตรียมที่จะนำสินค้าเข้ามาท้าชิงตลาดในประเทศไทย ผ่านศึก “เวิลด์คัพ 2018” นี้ด้วยเช่นกัน

 

สำหรับ กระแสเวิลด์คัพฟีเวอร์ในไทย คาดว่าไม่ต่างทุกครั้งที่ผ่านมา ที่เราจะได้เห็นแบรนด์ต่างๆ งัดกลยุทธ์ทั้งแคมเปญ โปรโมชั่น ฯลฯ มาประชันอย่างดุเดือด ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลดีให้ผู้บริโภคอย่างเรา มีทางเลือกมากขึ้นทั้งสิ้น
kinyupen